เมื่อมนุษย์เงินเดือนอยากเป็นเจ้าของกิจการ Coworking Space แตะความสำเร็จได้ แค่ลงมือทำ

          Coworking Space ธุรกิจกลางใหม่กลางเก่า แต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้ และหากอยากเป็นเจ้าของ Coworking Space ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่เพียงลงมือทำ

          ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าในยุคสมัยนี้คนสนใจงานฟรีแลนซ์หรืองานที่ไม่ต้องนั่งจับเจ่าอยู่ในออฟฟิศกันมากขึ้น แต่ครั้นจะให้นั่งทำงานอยู่บ้านก็คงน่าเบื่อไม่น้อย หรือหากจะให้ยกคอมพิวเตอร์ออกไปนั่งทำงานในร้านกาแฟก็เกรงสายตาผู้คนอยู่พอประมาณ ดังนั้นเราจึงได้เห็นธุรกิจ Coworking Space เริ่มแพร่หลายมาสักระยะหนึ่งแล้ว และหากใครเคยไปนั่งทำงานอยู่ในพื้นที่บริการออฟฟิศให้เช่าสไตล์ Coworking Space แล้วรู้สึกติดใจจนอยากเป็นเจ้าของธุรกิจนี้บ้าง ลองมาฟังประสบการณ์ควบตำแหน่งมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของธุรกิจ Coworking Space ของคุณสมาชิกหมายเลข 2644169 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันค่ะ กว่า 15 ปีกับงานประจำที่ทำแล้วก็มีความสุข แต่ด้วยความตั้งใจแรกที่คิดอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง บวกกับมีแรงผลักดันจากลูกน้อยวัย 2 ขวบ การตัดสินใจเป็นเจ้าของธุรกิจ Coworking Space เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงของครอบครัวจึงเริ่มต้นขึ้น ณ​ จุดนี้


          เมื่อมนุษย์เงินเดือนอย่างผม อยากเป็นเจ้าของกิจการ Coworking Space ^_^ แค่คิดอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องลงมือทำด้วย ^_^ โดย  คุณสมาชิกหมายเลข 2644169 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          สวัสดีครับ ผมติดตามอ่านพันทิปมานาน แต่กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมโพสต์ เพราะว่าอยากจะถือโอกาสมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ทราบ

          ผมเองเริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนหลาย ๆ คนในที่นี้ ตั้งแต่เรียนจบมาก็มีความคิดมาตลอดว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีธุรกิจ หรือบริษัทเป็นของตัวเองให้ได้ ก็คิดมาตลอด ๆ และก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงาน ศึกษาหาความรู้ใส่ตัว ระหว่างที่ทำงานก็เก็บเงินไปเรื่อย ๆ ก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ผ่านมา 15 ปี เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ถึงแม้ว่าจะมีความสุขกับงานที่ทำ แต่ความคิดที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวมาตลอด 15 ปี

เดินทางร้อยลี้ ต้องเริ่มที่ก้าวแรก...

          เวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ เผลอแป๊ปเดียวเจ้าตัวเล็กของผมก็ลืมตามาดูโลกนี้ได้ 2 ปีกว่า ๆ แล้ว ผมเริ่มนึกถึงอนาคตมากขึ้น เราจะเอาชีวิตของคนในครอบครัวมาเดิมพันกับเงินเดือนอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน (ผมเป็นหัวหน้าครอบครัว แฟนผมไม่ได้ทำงานประจำ) แล้วถ้าหากในอนาคตบริษัทเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วเลิกจ้างขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี หลาย ๆ บริษัทต่างก็มีแผนลดพนักงาน หรือ early retire กันถ้วนหน้า

          ผมจึงเริ่มคิดอย่างจริงจังอีกครั้งว่าอยากจะทำอะไร โดยมีข้อแม้กับตัวเองว่า สำหรับครั้งนี้ "แค่คิดอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องลงมือทำด้วย" ก็เลยปรึกษากับที่บ้าน จนได้ข้อสรุปออกมาว่า ผมอยากจะเปิดร้านแบบ Coworking Space เพราะอยากให้คนที่ทำงาน ทั้งแบบประจำ และไม่ประจำ ได้มีสถานที่นั่งทำงานสบาย ๆ ไม่จำเป็นต้องฝ่ารถติดเข้าไปทำงานในเมือง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และที่สำคัญ เสียสุขภาพจิต...อีกทั้งยังต้องการให้เป็นแหล่งรวมบรรดา start up ที่อยู่ในโซนใกล้เคียงกัน ให้ได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดกัน...

          หลังจากนั้น ผมก็เริ่มมองหาสถานที่ โดยมีโจทย์ว่าจะต้องเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้ร้านอาหาร ใกล้ธนาคาร ฯลฯ และที่สำคัญต้องมีที่จอดรถสะดวก และสามารถจอดได้นาน (ผมให้ความสำคัญกับตรงนี้ เพราะ Coworking ที่ไปลองใช้บริการมาหลาย ๆ ที่ ไม่ค่อยมีที่จอดรถ หรือมีก็เก็บค่าที่จอดรถแพงกว่าค่าไปใช้บริการซะอีก)

          ผมก็ตระเวณขับรถไปดูมาหลาย ๆ แห่ง รวมถึงไปลองนั่งทำงานใน Coworking Space หลาย ๆ ที่ในกรุงเทพฯ จนในที่สุด ก็มาได้พื้นที่ที่เดิม เป็นโรงเรียนสอนพิเศษ ซึ่งตั้งอยู่ใน commmunity mall แถวรังสิตคลอง 2 ซึ่งดูจากทำเลโดยรวมแล้วก็น่าจะโอเค เลยตัดสินใจเช่าพื้นที่...




          1. อยากให้เป็น Coworking Space ที่ดูโล่ง โปร่ง และดูเรียบง่าย

          2. ให้ความสำคัญกับเก้าอี้นั่ง เพื่อให้คนนั่งทำงานได้นาน และสบาย

          3. พยายามใช้โครงสร้างเดิมให้ได้มากที่สุด เพื่อประหยัดงบประมาณ

          กว่าจะรีวิว แก้ไข และสรุปแบบ เวลาก็ผ่านไปร่วม 1 เดือน มารู้ตัวอีกทีตอนที่มีใบเสร็จมาเรียกเก็บค่าเช่าสำหรับเดือนถัดไป (อืมมม เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ... อีกแล้ว) เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่ามีรายจ่ายวิ่งตามอยู่ทุกวัน จึงต้องเร่งงานอย่างอื่นให้เสร็จเร็วขึ้น  


    




          ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะวันธรรมดาก็ต้องไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนตามปกติ ตอนเย็นหลังเลิกงานต้องรีบกลับมาดูความคืบหน้าที่หน้างาน กลางคืนหลังจากส่งลูกเข้านอน ผมกับภรรยาก็ต้องมานั่งช่วยกันคิด และวางแผนงาน และแผนการเงิน เสาร์-อาทิตย์ ก็ไปเดินเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ และของต่าง ๆ สำหรับใช้ในร้าน...เวลาผ่านไปอีก 1 เดือนกว่า ๆ งานปรับปรุงพื้นที่ก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมตกแต่ง และพร้อมเปิดให้บริการ



          ผมใช้ชื่อว่า NESTWORK Coworking Space เพราะอยากสื่อถึง แหล่ง (รัง) ทำงานที่ไม่ได้ใหญ่มาก สำหรับพวก Start up หรือ Freelance (เปรียบเหมือนนกที่เพิ่งหัดบิน หรือนกที่บินได้แบบอิสระ... อืมม คิดไปซะไกล)








          (โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบดื่มกาแฟเวลาทำงาน เลยเลือกเป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ที่ทำได้ทั้งคาปูชิโน่ และลาเต้ เพื่อให้ผู้มาใช้บริการได้ใช้ และ self-service)


          ถึงตอนนี้ NESTWORK Coworking Space ของผมก็เริ่มเปิดให้บริการมาได้สักระยะนึงแล้ว ผมรู้สึกว่าการเปลี่ยนตัวเองจากมนุษย์เงินเดือน มาเป็นเจ้าของกิจการ เส้นทางนี้ไม่ได้ง่าย แต่ก็คงจะไม่ยากจนเกินไป หากเรามีความตั้งใจ อดทน และลงมือทำมันจริง ๆ กำลังใจทั้งหมดที่ทุ่มเททำ ก็มาจากเจ้าตัวเล็กนี่แหละครับ (ผมกลับมาถึงบ้าน ก็จะวิ่งเข้ามาบอก ป่าป๊า สู้ ๆ นะ...แค่นี้ก็มีแรงฮึดสู้ต่อแล้ว 555)

สุดท้ายนี้ ผมขอฝากข้อคิดที่ผมได้จากการทำงานในครั้งนี้

          1. แค่คิดอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้อะไรเกิดขึ้นได้ ต้องลงมือทำด้วย

          2. เวลาเป็นสิ่งมีค่ามาก สำหรับเจ้าของกิจการมือใหม่อย่างผม นับจากวันที่ตัดสินใจเช่าพื้นที่ มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกวัน ผมต้องทำทุกวิธีเพื่อให้ร้านเปิดดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด

          3. ต้องอาศัยความอดทน และทุ่มเททำงานหนัก ผมใช้เวลาในการเตรียมงานต่าง ๆ ในช่วงกลางคืน (หลังจากที่ส่งลูกเข้านอนแล้ว) ตอนเย็นหลังเลิกงาน และช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ก็เป็นเวลาในการเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ ซื้อของเข้าร้าน และคุมก่อสร้างหน้างาน ส่วนตอนกลางวันก็เป็นมนุษย์เงินเดือนตามปกติ

          4. งบลงทุน และเงินสด เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องวางแผน เตรียมการ และจัดการให้ดี

          ความฝันจะไม่กลายเป็นจริงแน่ ๆ หากคุณมัวแต่คิดเพียงอย่างเดียว แต่ไม่เคยลงมือทำจริง ๆ จัง ๆ ฉะนั้นหากมีความฝันก็อย่ารอเวลาอีกต่อไปเลยนะคะ


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2644169 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม