10 ขั้นตอนที่จะทำให้คุณมองการเปิดร้านกาแฟในมุมมองใหม่ ลืมการทำร้านกาแฟแบบเดิม ๆ ไปได้เลย แล้วมาลองฟังวิธีที่เรานำมาเล่าให้ฟัง ถ้าทำตามรับรองเลยว่าคุณจะลืมการทำร้านกาแฟที่เคยรู้จักไปเลย
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน เราก็จะเห็นร้าน Coffee Shop เต็มไปหมด เรียกได้ว่ามีอยู่ทุกมุมเมือง ถามว่าทำไมถึงมีร้านกาแฟเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด คำตอบก็คือว่า เมื่อครั้งแรก ๆ ที่ร้านกาแฟสดเริ่มก่อตั้ง ด้วยความที่ผู้คนแสวงหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ร้านกาแฟจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับคนเมืองที่ต้องการความสงบ ตอนนั้นร้านกาแฟสดเป็นอะไรที่ใหม่มาก กลิ่นกาแฟคั่วบดหอม ๆ ผสมผสานกับบรรยากาศผ่อนคลาย เรียกได้ว่าใครอยากไปผ่อนคลายอารมณ์ ก็มักนึกถึงร้านกาแฟเสมอ ไม่ว่าจะมานั่งอ่านหนังสือ หรือจับกลุ่มคุยกัน ยุครุ่งเรืองของร้านกาแฟสดกินระยะเวลานานจนถึงปัจจุบัน ทำให้ใครหลายคนคิดว่าจะจับธุรกิจกาแฟเป็นแหล่งรายได้หลัก
หลาย ๆ คนที่อยากรวยเร็วหรือนึกอะไรไม่ออกก็ว่าจะทำธุรกิจอะไรดีก็มักจะมาลงเอยที่ร้านแฟนี่แหละ ด้วยความที่คิดว่าการทำร้านกาแฟคือสูตรของความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย หลายรายเจ๊งเพราะคิดว่ามันง่าย ก็เลยมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย แต่สำคัญไป ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้มีความหลงใหลหรือความรักในสิ่งที่ตนเองทำ พวกเขาคิดแค่ว่าคนอื่นทำแล้วรวย คนอื่นทำแล้วดีก็เลยทำตาม ซึ่งการที่คุณไม่ได้มีความรักหรือความรู้ในเรื่องที่ทำ ก็ไม่ต่างอะไรจากการที่ทำในสิ่งที่ไม่ถนัด แต่ถ้าหากใครที่อยากจะทำธุรกิจเปิดร้านกาแฟจริง ๆ แล้วละก็ เราก็มีวิธีการที่จะทำให้ร้านกาแฟของคุณประสบความสำเร็จในโลกที่มีการแข่งขันสูง
กำหนดรูปแบบของร้าน
สิ่งนี้คือสิ่งสำคัญมากเพราะถ้าคุณไม่มีคอนเซ็ปต์ของร้านเลยคุณจะหลงทาง และไม่รู้ว่าร้านของคุณจะเป็นไปในทิศทางไหน โดยปัจจัยที่คุณควรคำนึงถึงในการคิดคอนเซ็ปต์ก็คือ คุณอยากจะเปิดร้านกาแฟในรูปแบบใด กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร สถานที่ใดบ้างที่คุณอยากจะไปเปิดร้าน ที่สำคัญการเดินทางไปร้านต้อง "สะดวก" เช่น
- อยากเปิดร้านกาแฟที่แต่งแต่งร้านสไตล์ธรรมชาติมีต้นไม้เยอะ ๆ
- เช่าพื้นที่บริเวณที่มีสำนักงานเยอะ
- กลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน พนักงานออฟฟิศ
- อายุ ตั้งแต่ 25 - 50 ปี
- เดินทางมาร้านสะดวก
- มีที่จอดรถยนต์ขนาด 5 คัน รวมถึงที่จอดจักรยานและจักรยานยนต์
ไปดูสถานที่จริง
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น คุณอย่าเพิ่งไปหลงเชื่อบรรดานายหน้าหรือคนที่แนะนำทำเลของร้านให้คุณฟัง คุณจะรู้ว่ามันเป็นทำเลทองหรือไม่ก็ต่อเมื่อคุณไปดูสถานที่จริง ๆ ด้วยตัวคุณเองเท่านั้น
สอบถามเงื่อนไขต่าง ๆ ของทำเลที่ตั้งร้านจากผู้ให้เช่า
สิ่งที่คุณต้องทำเลยหลังจากตกลงปลงใจแล้วว่าจะตั้งร้านกาแฟในฝันของคุณที่นี่แหละ ก็คือคุณต้องสอบถามเรื่องค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ต้องมีการมัดจำก่อนหรือไม่ ถ้าจะยกเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกก่อนกี่เดือน เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อต้นทุนของกาแฟหนึ่งแก้วนะ
ศึกษาข้อมูล "ทุกอย่าง" ที่เกี่ยวกับกาแฟ
ข้อนี้เรียกได้ว่าแทบจะมีความสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะอย่าลืมว่าถ้าคุณไม่ได้รักในกาแฟ ไม่ได้หลงใหลในกาแฟ ในข้อนี้คุณก็คงจะทำมันไม่ได้อย่างเต็มที่ แต่เราอยากจะบอกว่าข้อนี้อาจจะชี้ชะตาร้านกาแฟของคุณเลยก็เป็นได้ เพราะการทำร้านกาแฟไม่ใช่แค่เรื่องชงกาแฟแล้วขายแล้วก็จบ แต่มันยังรวมเรื่องของรายละเอียดชนิดของกาแฟ เมล็ดกาแฟ
นอกจากเรื่องของกาแฟแล้ว ยังมีเรื่องของเครื่องชงกาแฟแบบนี้เหมาะกับกาแฟแบบไหน เครื่องบดกาแฟแบบนี้เหมาะกับกาแฟของเราไหม แล้วต้นทุนของทั้งสองเครื่องล่ะคุ้มไหม ให้กำลังในการผลิตกาแฟเป็นอย่างไร จะต้องเสริมเครื่องปั่นน้ำผลไม้ไหม และต้องศึกษาถึงความแตกต่างของเมล็ดกาแฟแต่ละชนิดด้วยว่าให้รส ให้กลิ่นเป็นอย่างไร นี่สิถึงจะเรียกว่าเป็นตัวจริงเรื่องกาแฟ รู้ลึก รู้จริงแบบนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
ออกแบบร้านและทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง
หลังจากที่เราได้ทำตามข้อ 1 ถึง ข้อ 4 แล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องมาออกแบบร้านให้เหมาะสมกับแนวทางที่เราได้วางไว้ในข้อ 1 แล้วครับ โดยสิ่งที่คนที่อยากจะทำร้านกาแฟต้องคำนึงถึงก็คือ ถ้าเป็นเคาน์เตอร์กาแฟแบบธรรมดา ค่าเคาน์เตอร์ก็ไม่ควรเกิน 50,000 บาท และในส่วนของร้านกาแฟ งบประมาณในการก่อสร้างไม่ควรเกิน 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ดูเงินในกระเป๋าแล้วลุยในแบบที่เราเป็น
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของร้านกาแฟ สินค้าต่าง ๆ ในร้าน วัตถุดิบ อุปกรณ์ในการเปิดร้าน ทั้งหมดทั้งมวล ต้องทำเป็นบัญชีรายจ่าย ลองเขียนรายการต่าง ๆ ที่ต้องซื้อลงมาเป็นข้อ ๆ แล้วใส่ราคาที่เราสำรวจมาได้ลงไป ก็จะได้งบประมาณการลงทุนคร่าว ๆ ทั้งหมด ถ้าเกินที่ตั้งไว้ก็ลองพิจารณาดูว่าสินค้ารายการไหนที่ไม่จำเป็น คุณก็อาจจะลดคุณสมบัติลง หรือตัดออกไปเลยก็ได้
ประกาศรับสมัครคนเพื่อนร่วมงาน (พนักงาน, บาริสต้า)
ข้อนี้จะข้ามก็ได้ครับถ้าคุณเป็นทั้งเจ้าของร้าน บาริสต้า เด็กเสิร์ฟ คนล้างแก้ว และทุกสิ่งอย่างในร้าน แต่ถ้าไม่ใช่ คุณก็ควรเริ่มประกาศรับพนักงานเข้ามาทำงานโดยเลือกคนที่เหมาะกับแนวทางของร้านและพร้อมจะทำงานให้คุณอย่างเต็มที่
นี่เป็นการจัดอีเว้นท์ให้คนและของมาเจอกัน เจ้าของร้านก็ต้องมาเพื่อทำความรู้จักพนักงานทุกคนในร้านและทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง โดยในส่วนของรายละเอียดของร้านหรืออุปกรณ์ทั้งหมด คุณในฐานะเจ้าของร้านควรที่จะเป็นคนชี้แจงให้พนักงานได้ทำความเข้าใจ รวมไปถึงการชี้แจงกฎระเบียบต่าง ๆ ของร้านให้บรรดาพนักงานใหม่ฟัง
ทำทั้งหมดในข้อ 8 ก่อนที่จะเปิดร้านจริง
เมื่อคนพร้อม อุปกรณ์พร้อม ใจพร้อม และกายพร้อม ก็มาถึงกระบวนการที่เรียกได้ว่าเกือบจะได้ร้านกาแฟที่สมบูรณ์ร้านหนึ่งแล้ว โดยในขั้นตอนนี้เป็นการฝึกซ้อมสูตร ฝึกซ้อมการชงกาแฟ รวมไปถึงคำพูดในการกล่าวต้อนรับลูกค้า
จัดเรียงสินค้า และตรวจความเรียบร้อย
เมื่อซักซ้อมความเข้าใจในทุกขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการจัดเรียงสินค้า แก้ว และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทางและพร้อมเปิดทำการแล้วครับ
ทั้ง 10 วิธีนี้เป็นการที่ทำให้ได้มาซึ่งร้านกาแฟ 1 ร้าน จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่นอกเหนือไปจาก 10 ขั้นตอนนี้ยังมีสิ่งที่ผู้ที่จะประกอบกิจการร้านกาแฟจะต้องคำนึงถึงอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นคู่แข่ง การตลาด โปรโมชั่น และปัจจัยอื่น ๆ ที่จะทำให้ร้านกาแฟของคุณประสบความสำเร็จ ขอให้ประสบความสำเร็จในทางที่เลือกทุกคนนะครับ