รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ประชุมหารือมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้กองทุนหมู่บ้านปล่อยกู้ชาวบ้านรายละ 2 หมื่น ยันไม่ใช่โนยบายประชานิยม
วันที่ 31 สิงหาคม 2558 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 รายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เกี่ยวกับมาตรการการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ก่อนที่จะสรุปและนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 1 กันยายนนี้
นายสมคิด ระบุว่า สำหรับมาตรการการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นมาตรการที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มสภาพคล่องให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยขอให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยใช้จ่ายให้มีประโยชน์ อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย กำชับให้ฝ่ายราชการตรวจสอบการใช้เงินให้เกิดความถูกต้องโปร่งใส และกำชับไปยังกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งพัฒนาชาวบ้านและการท่องเที่ยวในชุมชนให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งภายในท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี นายสมคิด ยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย และ พล.อ. ประยุทธ์ ยังได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบพ่อค้าแม่ค้า ไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภค และตรวจสอบไปยังราคาขายสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก โดย พล.อ. ประยุทธ์ ได้ตั้งข้อสงสัยว่า ราคาน้ำมันลดลงมาก แต่ทำไมราคาสินค้าไม่ลดลง
ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในการหารือทีมเศรษฐกิจกับนายสมคิดนั้น จะเป็นไปในเนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ มุ่งเน้นผู้มีรายได้น้อยและเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การพัฒนาสินค้าโอท็อปด้วยการใช้เงินกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมแนวทางไว้เบื้องต้นแล้ว แต่อาจจะมีการปรับปรุงในบางส่วน สำหรับแผนงานที่ชัดเจนนั้นจะมีการจัดทำหลังจากมีการหารือทีมเศรษฐกิจเสร็จสิ้นแล้ว
สำหรับมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการที่ให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ปล่อยกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านประมาณ 59,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ หมู่บ้านละ 1,000,000 บาท โดยใน 6 เดือน-1 ปีแรกจะยังไม่มีการคิดดอกเบี้ย ซึ่งทางรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ใน 2 ปีแรก สำหรับเงื่อนไขที่จะกำหนดเพิ่มเติมนั้น กระทรวงการคลังได้มอบให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ที่มีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปวางเงื่อนไขให้เกิดความมั่นใจว่าเงินกู้เหล่านี้จะไม่สร้างภาระหนี้เพิ่มให้กับชาวบ้าน แต่จะเป็นการสร้างสภาพคล่องให้ชาวบ้านมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยในปีแรก ๆ ที่ผ่อนชำระเฉพาะต้นเงิน ได้หารือกับกองทุนหมู่บ้านในเบื้องต้นว่าเงินผ่อนต่องวดจะไม่สูงมาก โดยยืดเวลาชำระหนี้ออกไปจากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี เพื่อภาระของการผ่อนต่องวดน้อยลง
โดยทางกองทุนหมู่บ้านจะปล่อยกู้ให้กับลูกบ้านนั้นรายละ 10,000-20,000 บาท เพื่อเป็นการกระจายให้ทั่วถึงมากที่สุด คาดว่าจะสามารถช่วยช่าวบ้านได้ถึง 5-6 ล้านคน อย่างไรก็ตามผู้กู้ต้องระบุวัตถุประสงค์ด้วยว่าจะกู้ไปเพื่ออะไร หากนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ชัดเจน จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก