กาตาร์ครองแชมป์ประเทศรวยสุดในโลกปี 2015 มาลาวี จนที่สุด ไทยรั้งอันดับ 82
กาตาร์ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยรายได้ต่อหัว 4,736,000 บาท ด้าน มาลาวี จนที่สุดในโลก รายได้เฉลี่ยของประชากรต่อปีอยู่ที่ 7,000 บาท ส่วนไทย รั้งอันดับ 82 ดีขึ้นจากปีที่แล้ว
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ได้มีการจัดอันดับภาพรวมทางเศรษฐกิจโดยวัดจากรายได้เฉลี่ยต่อคนของประชากรในแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปี 2015 ได้แก่ ประเทศกาตาร์ และประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ได้แก่ ประเทศมาลาวี
ทั้งนี้ผลสำรวจที่จัดอันดับเมื่อเดือนเมษายน 2558 พบว่า ประเทศกาต้าร์ คือประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยวัดจากรายได้ประชาชาติ ซึ่งประชากรของประเทศกาตาร์มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 143,532 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 4,736,000 บาท จากจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 2,109,759 คนโดยประเทศกาตาร์เป็นประเทศที่มีแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่ารายได้ของคนในประเทศนี้มาจากไหน
แน่นอนว่าพวกเขาเป็นยักษ์ใหญ่ที่ส่งออกทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งกว่า 50% ของ จีดีพี ของกาตาร์ มาจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้แล้ว ประเทศกาตาร์ยังเป็นประเทศที่ได้รับการการันตีจากธนาคารโลก ว่าประชากรแต่ละคนมีรายได้ต่อหัวสูงมาก เศรษฐกิจของประเทศนี้ก็ดีมีเสถียรภาพ อีกทั้งประเทศกาตาร์ยังเป็นประเทศที่ไม่จัดเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีนิติบุคคลใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งนี้เป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของพลเมืองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้ประเทศกาตาร์เป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำมาก ๆ อีกด้วย
ส่วนอันดับที่ 2 นั้นได้แก่ประเทศลักเซมเบิร์ก ประเทศลักเซมเบิร์กมีประชากรทั้งหมด 552,665 คน โดยที่ประชากรของลักเซมเบิร์กมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 93,174 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 3,074,000 บาท ซึ่งรายได้ของประชากรในประเทศลักเซมเบิร์กส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมน้ำมัน ประเทศลักเซมเบิร์กมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลกได้ก็เพราะว่า รายได้ต่อหัวของประชากรในประเทศนี้ค่อนข้างสูง บวกกับการพัฒนาของอุตสาหกรรม แม้ว่าในปี 1960 ประเทศนี้จะทำอุตสาหกรรมเหล็กเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อีกไม่กี่ปีถัดมา อุตสาหกรรมในลักเซมเบิร์กก็ได้เติบโตขึ้นทั้งอุตสาหกรรมยาง เคมี และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นประเทศลักเซมเบิร์กยังเป็นประเทศที่ปลอดคอร์รัปชั่นและมีอัตราการว่างงานที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในโลก
มาถึงอันดับที่ 3 เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าใดนักและเป็นประเทศในทวีปเอเชียที่มีอันดับดีที่สุด ประเทศนี้ก็คือ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์มีประชากรทั้งหมด 5,467,220 โดยประชากรของประเทศสิงคโปร์นั้นมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 85,198 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,800,000 บาท ถามว่าทำไมสิงคโปร์ถึงรวย คำตอบคือ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ความมั่งคั่งร่ำรวยนั้นขึ้นอยู่กับภาคการเงิน ภาคอุตสาหกรรมเคมี รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยเป็นหลัก ประเทศสิงคโปร์มีท่าเรือที่มีเรือเข้าออกพลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกสินค้าเป็นหลัก อุตสาหกรรมเคมีและอิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาทางเศรษกิจของสิงคโปร์
และการที่พวกเขามาอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกได้นั้นก็ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจสูง มีระบบสาธารณสุขและระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม ในด้านกฎหมายสิงคโปร์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยมีต้นแบบมาจากกฎหมายของประเทศอังกฤษ นโยบายหลาย ๆ อย่างของประเทศสิงคโปร์ช่วยส่งเสริมให้นวัตกรรมในหลาย ๆ ภาคส่วนของประเทศเติบโต และที่สุดแห่งที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติก็คือ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาดีที่สุดในเอเชีย
สำหรับประเทศในทวีปเอเชียที่ติดอันดับท็อปเท็นของประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมีอีก 1 ประเทศนั่นก็คือ ฮ่องกง ซึ่งประชากรของฮ่องกงมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 56,428 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 1,860,000 บาท
ส่วนประเทศไทยปัจจุบันรั้งอันดับที่ 82 จากเดิมที่อยู่อันดับ 85 ในปีที่แล้ว โดยประชากรในประเทศไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 14,980 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 494,000 บาท เพิ่มขึ้น 28.3%
ทางด้านประเทศมาลาวี ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกในปี 2015 โดยประเทศมาลาวี ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา มีประชากรประมาณ 16 ล้านคน เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้ต่อคนต่อปีต่ำที่สุดในโลกอยู่ที่ 226.50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,400 บาท (ต่อปี) พอมีรายได้น้อยก็เลยฉุดให้คุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศย่ำแย่ลงไปด้วย นอกจากนี้ประเทศมาลาวียังเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิดสูงมากอีกด้วย นอกจากนี้ประเทศมาลาวียังเป็นประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดในโลก
10 อันดับประเทศที่รวยที่สุดในโลก ปี 2015
1. กาตาร์ รายได้ต่อหัว 143,532 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,736,556 บาท (ต่อปี)
2. ลักเซมเบิร์ก รายได้ต่อหัว 93,174 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,074,742 บาท (ต่อปี)
3. สิงคโปร์ รายได้ต่อหัว 85,198 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,811,534 บาท (ต่อปี)
4. บรูไน ดารุสซาลาม รายได้ต่อหัว 72,379 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,388,507 บาท (ต่อปี)
5. คูเวต รายได้ต่อหัว 70,914 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,340,162 บาท (ต่อปี)
6. นอร์เวย์ รายได้ต่อหัว 67,445 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,225,685 บาท (ต่อปี)
7. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายได้ต่อหัว 65,149 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,149,917 บาท (ต่อปี)
8. ซานมาริโน รายได้ต่อหัว 61,836 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,040,588 บาท (ต่อปี)
9. สวิตเซอร์แลนด์ รายได้ต่อหัว 58,731 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,938,123 บาท (ต่อปี)
10. ฮ่องกง รายได้ต่อหัว 56,428 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,862,124 บาท (ต่อปี)
*82.ไทย รายได้ต่อหัว 14,980 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 494,000 บาท (ต่อปี)
10 อันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ปี 2015
1. มาลาวี รายได้ต่อหัว 226.50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,474 บาท (ต่อปี)
2. บุรุนดี รายได้ต่อหัว 267.10 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,814 บาท (ต่อปี)
3. แอฟริกากลาง รายได้ต่อหัว 333.20 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 10,995 บาท (ต่อปี)
4. ไนเจอร์ รายได้ต่อหัว 415.40 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13,708 บาท (ต่อปี)
5. ไลบีเรีย รายได้ต่อหัว 454.30 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,991 บาท (ต่อปี)
6. มาดากัสการ์ รายได้ต่อหัว 463 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,279 บาท (ต่อปี)
7. คองโก รายได้ต่อหัว 484 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,972 บาท (ต่อปี)
8. แกมเบีย รายได้ต่อหัว 488.60 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,123 บาท (ต่อปี)
9. เอธิโอเปีย รายได้ต่อหัว 505 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,665 บาท (ต่อปี)
10. กินี รายได้ต่อหัว 523.10 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 17,259 บาท (ต่อปี)
ส่วนอันดับที่ 2 นั้นได้แก่ประเทศลักเซมเบิร์ก ประเทศลักเซมเบิร์กมีประชากรทั้งหมด 552,665 คน โดยที่ประชากรของลักเซมเบิร์กมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 93,174 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 3,074,000 บาท ซึ่งรายได้ของประชากรในประเทศลักเซมเบิร์กส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมน้ำมัน ประเทศลักเซมเบิร์กมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลกได้ก็เพราะว่า รายได้ต่อหัวของประชากรในประเทศนี้ค่อนข้างสูง บวกกับการพัฒนาของอุตสาหกรรม แม้ว่าในปี 1960 ประเทศนี้จะทำอุตสาหกรรมเหล็กเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อีกไม่กี่ปีถัดมา อุตสาหกรรมในลักเซมเบิร์กก็ได้เติบโตขึ้นทั้งอุตสาหกรรมยาง เคมี และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นประเทศลักเซมเบิร์กยังเป็นประเทศที่ปลอดคอร์รัปชั่นและมีอัตราการว่างงานที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในโลก
มาถึงอันดับที่ 3 เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าใดนักและเป็นประเทศในทวีปเอเชียที่มีอันดับดีที่สุด ประเทศนี้ก็คือ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์มีประชากรทั้งหมด 5,467,220 โดยประชากรของประเทศสิงคโปร์นั้นมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 85,198 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,800,000 บาท ถามว่าทำไมสิงคโปร์ถึงรวย คำตอบคือ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ความมั่งคั่งร่ำรวยนั้นขึ้นอยู่กับภาคการเงิน ภาคอุตสาหกรรมเคมี รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยเป็นหลัก ประเทศสิงคโปร์มีท่าเรือที่มีเรือเข้าออกพลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกสินค้าเป็นหลัก อุตสาหกรรมเคมีและอิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาทางเศรษกิจของสิงคโปร์
และการที่พวกเขามาอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกได้นั้นก็ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจสูง มีระบบสาธารณสุขและระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม ในด้านกฎหมายสิงคโปร์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยมีต้นแบบมาจากกฎหมายของประเทศอังกฤษ นโยบายหลาย ๆ อย่างของประเทศสิงคโปร์ช่วยส่งเสริมให้นวัตกรรมในหลาย ๆ ภาคส่วนของประเทศเติบโต และที่สุดแห่งที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติก็คือ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาดีที่สุดในเอเชีย
สำหรับประเทศในทวีปเอเชียที่ติดอันดับท็อปเท็นของประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมีอีก 1 ประเทศนั่นก็คือ ฮ่องกง ซึ่งประชากรของฮ่องกงมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 56,428 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 1,860,000 บาท
ส่วนประเทศไทยปัจจุบันรั้งอันดับที่ 82 จากเดิมที่อยู่อันดับ 85 ในปีที่แล้ว โดยประชากรในประเทศไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 14,980 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 494,000 บาท เพิ่มขึ้น 28.3%
ทางด้านประเทศมาลาวี ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกในปี 2015 โดยประเทศมาลาวี ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา มีประชากรประมาณ 16 ล้านคน เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้ต่อคนต่อปีต่ำที่สุดในโลกอยู่ที่ 226.50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,400 บาท (ต่อปี) พอมีรายได้น้อยก็เลยฉุดให้คุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศย่ำแย่ลงไปด้วย นอกจากนี้ประเทศมาลาวียังเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิดสูงมากอีกด้วย นอกจากนี้ประเทศมาลาวียังเป็นประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดในโลก
10 อันดับประเทศที่รวยที่สุดในโลก ปี 2015
1. กาตาร์ รายได้ต่อหัว 143,532 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,736,556 บาท (ต่อปี)
2. ลักเซมเบิร์ก รายได้ต่อหัว 93,174 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,074,742 บาท (ต่อปี)
3. สิงคโปร์ รายได้ต่อหัว 85,198 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,811,534 บาท (ต่อปี)
4. บรูไน ดารุสซาลาม รายได้ต่อหัว 72,379 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,388,507 บาท (ต่อปี)
5. คูเวต รายได้ต่อหัว 70,914 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,340,162 บาท (ต่อปี)
6. นอร์เวย์ รายได้ต่อหัว 67,445 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,225,685 บาท (ต่อปี)
7. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายได้ต่อหัว 65,149 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,149,917 บาท (ต่อปี)
8. ซานมาริโน รายได้ต่อหัว 61,836 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,040,588 บาท (ต่อปี)
9. สวิตเซอร์แลนด์ รายได้ต่อหัว 58,731 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,938,123 บาท (ต่อปี)
10. ฮ่องกง รายได้ต่อหัว 56,428 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,862,124 บาท (ต่อปี)
*82.ไทย รายได้ต่อหัว 14,980 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 494,000 บาท (ต่อปี)
1. มาลาวี รายได้ต่อหัว 226.50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,474 บาท (ต่อปี)
2. บุรุนดี รายได้ต่อหัว 267.10 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,814 บาท (ต่อปี)
3. แอฟริกากลาง รายได้ต่อหัว 333.20 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 10,995 บาท (ต่อปี)
4. ไนเจอร์ รายได้ต่อหัว 415.40 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13,708 บาท (ต่อปี)
5. ไลบีเรีย รายได้ต่อหัว 454.30 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,991 บาท (ต่อปี)
6. มาดากัสการ์ รายได้ต่อหัว 463 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,279 บาท (ต่อปี)
7. คองโก รายได้ต่อหัว 484 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,972 บาท (ต่อปี)
8. แกมเบีย รายได้ต่อหัว 488.60 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,123 บาท (ต่อปี)
9. เอธิโอเปีย รายได้ต่อหัว 505 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,665 บาท (ต่อปี)
10. กินี รายได้ต่อหัว 523.10 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 17,259 บาท (ต่อปี)