พฤติกรรมเคยชินบางอย่าง ทำให้เงินเก็บเราจางหายไป ดังนั้นหากอยากมีเงินเก็บเหลือไว้ใช้ ควรเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ด่วน !
บางคนทำงานหารายได้และตั้งใจเก็บเงินจนมีเงินเก็บหลักล้านตั้งแต่อายุยังน้อย
ในขณะที่อีกหลายคนมีเงินเก็บเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเงินเก็บเลย
รู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร
ความแตกต่างที่เกิดขึ้นล้วนมาจากพฤติกรรมการใช้เงินของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน
ซึ่งพฤติกรรมบางอย่างเป็นพฤติกรรมที่เราทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และส่งผลกระทบต่อเงินเก็บของเราโดยตรง
แต่จะมีพฤติกรรมอะไรบ้างนั้น K-Expert โดยธนาคารกสิกรไทย มีข้อมูลมาฝาก ลองไปดูกันค่ะ
1. ไม่วางแผนการใช้เงิน
เชื่อว่าหลายคนไม่เคยวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือน
และไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำ
เมื่อมีรายได้จากการทำงานหรือได้รับเงินจากคุณพ่อ คุณแม่มาเท่าไร
ก็ใช้จ่ายไปอย่างเต็มที่ อยากทานอะไร อยากได้อะไรก็ซื้อทันที
พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนสิ้นเดือนซึ่งเงินเริ่มไม่พอใช้แล้ว
จึงต้องหาทางประหยัดค่าใช้จ่ายหรือไม่ก็ต้องขอเงินคุณพ่อ
คุณแม่เพิ่มเติมให้เป็นภาระท่านอีก
จะดีกว่าไหมหากเรารู้จักวางแผนการใช้เงินตั้งแต่ต้นเดือน
โดยเริ่มจากการออมก่อนใช้อย่างน้อย 20% ของรายได้เพื่อให้มีเงินเก็บ
ส่วนเงินที่เหลือก็ให้คำนวณออกมาว่าจะต้องใช้สัปดาห์ละเท่าไร
หากคิดเป็นรายวัน ควรใช้วันละเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อการใช้ใน 1 เดือน
วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้มีเงินใช้เพียงพอในแต่ละเดือนแล้ว
ยังช่วยให้เรามีเงินเก็บทุกเดือนอีกด้วยค่ะ
2. ใช้จ่ายเงินเกินตัว
การใช้จ่ายเงินเกินตัวถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้ไม่มีเงินเก็บ
หลายคนใช้เงินเกินรายได้หรือรายรับที่เข้ามา เช่น ซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
ซื้อของใช้แบรนด์เนม พวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง
ชอบไปเที่ยวสังสรรค์ ทานอาหารนอกบ้านในร้านหรู ๆ หรือชอบดื่มชา กาแฟราคาแพง
เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพราะเป็นห่วงเรื่องภาพลักษณ์ หน้าตา
และต้องการการยอมรับในสังคม
แต่หารู้ไม่ว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นตัวผลาญเงินในกระเป๋าอย่างดี
และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราไม่มีเงินเก็บ
ดังนั้นลองหาทางปรับลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในส่วนนี้ลง
และพยายามใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมกับรายได้ที่ได้รับก็จะช่วยให้เรามีเงินเก็บค่ะ
3. ใช้บัตรเครดิตไม่เป็น
บัตรเครดิตเปรียบเสมือนดาบสองคม
หากใช้เป็นก็จะเกิดประโยชน์กับเรามากมาย
แต่ถ้าใช้บัตรไม่เป็นก็เป็นตัวบ่อนทำลายสถานะการเงินของเราได้เช่นกัน
บางคนใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าตามใจ
โดยไม่ได้คิดถึงว่าเมื่อครบกำหนดชำระแล้วจะมีเงินไปจ่ายเต็มจำนวนหรือไม่
ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ บางคนคิดว่าหากไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวนก็ไม่เป็นไร
ใช้วิธีผ่อนจ่ายขั้นต่ำ 10% เอาก็ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดค่ะ
เพราะเท่ากับว่าเรายอมเป็นหนี้ และยอมจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 20% ต่อปี
นอกจากจะไม่มีเงินเก็บแล้วยังมีหนี้มาให้ปวดหัวอีกต่างหาก
ดังนั้นต้องรู้จักใช้บัตรเครดิตให้เป็น โดยท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า รูดบัตรไปเท่าไรต้องหาเงินมาชำระให้ตรงเวลาและเต็มจำนวนเท่านั้น
4. ไม่มีเป้าหมายในการเก็บเงิน
หลายคนใช้จ่ายเงินไปวัน
ๆ โดยไม่มีเป้าหมายในการเก็บเงิน ไม่รู้ว่าจะต้องเก็บเงินไปทำไม
หรือต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไรจึงจะถึงเป้าหมาย เลยไม่คิดที่จะเก็บเงิน
หรือเรียกว่าไม่มีแรงจูงใจในการเก็บเงินก็ว่าได้
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่มีเงินเก็บ
ในทางกลับกันหากเรามีเป้าหมายในการเก็บเงิน เช่น ตั้งใจจะเก็บเงินจำนวน
200,000 บาท เพื่อเรียนต่อปริญญาโทในอีก 2 ปีข้างหน้า
คราวนี้เราก็รู้แล้วว่าจะต้องเก็บเงินไปเพื่ออะไร
ทำให้มีแรงจูงใจในการเก็บเงินมากขึ้น
และสามารถคำนวณได้ว่าต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไรจึงจะมีเงินไปเรียนต่อตามที่ตั้งใจไว้
ช่วงวัยเรียนหรือเพิ่งเริ่มต้นทำงาน
เงินเก็บที่มีอาจจะน้อยหรือยังเก็บเงินไม่ค่อยได้ก็อย่าเพิ่งกังวลไป
ถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจเก็บเงิน
สามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ไม่มีเงินเก็บ
หรือเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินที่ไม่ดีตามที่กล่าวไว้ข้างต้นได้
รับรองว่าเราจะมีเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตอย่างแน่นอน
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม
สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่
K-Expert@kasikornbank.com และ เว็บบอร์ด K-Expert
ซึ่งจัดทำขึ้นผ่านทางเว็บไซต์ www.askKBank.com/K-Expert
และติดตามข่าวสารการเงินได้ที่ Twitter@KBank_Expert
Tips
• หาตัวช่วยในการออมเงิน เช่น ฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจำแบบปลอดภาษี หรือออมผ่านกองทุนรวมเป็นรายเดือน
• จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง และทำให้มีเงินเหลือออมมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก