รัฐบาลเตรียมลดต้นทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเหลือคู่ละ 70 บาท ด้านบอร์ดสลากเตรียมพิจารณาปรับราคาลอตเตอรี่เป็นคู่ละ 100 บาท ตามข้อเสนอสหภาพฯ สลาก แก้ปัญหาราคาแพง
วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาราคาสลากกินแบ่งฯ แพงเกินราคา นั้นทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่การจัดสรรโควตาผู้ค้าสลากฯ ใหม่ หลังจากสัญญาผูกพันเดิมได้สิ้นสุดลง ซึ่งจะเริ่มจัดระบบใหม่ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยรัฐบาลมีมาตรการจัดสรรโควตาครั้งใหม่ ที่ระบุว่าควรจะมีการแบ่งให้ผู้ค้าสลากฯ ทั้งในกรุงเทพฯ และทุกงานสลากฯ ด้วยราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน เช่น อาจจะปรับให้ราคาต้นทุนอยู่ที่ฉบับละ 70 บาท เพื่อให้ผู้ค้ามีส่วนต่างกำไรเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถนำมาขายปลีกได้ในราคา 80 บาท
โดยปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ได้จำหน่ายสลากให้แก่นิติบุคคลคู่สัญญาในราคาฉบับละ 72.80 บาท หรือได้ส่วนลด 9 % ของราคาหน้าสลาก 80 บาท ขณะที่บุคคลธรรมดาจะได้รับไปในต้นทุน 74.40 บาท หรือได้ส่วนลด 7 %
สำหรับกรณีที่มีแนวคิดในการขึ้นราคาหน้าสลากฯ เป็น 100 บาท จากการสอบถามผู้ค้ารายย่อยก็เห็นด้วยกับการปรับราคาหน้าสลากฯ ขึ้น แต่ยังเป็นห่วงต้นทุนที่จะเพิ่มตาม ทำให้กำไรลดลงเช่นเดิม อย่างไรก็ตามจะทำให้ผู้ค้าไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาโดยอัตโนมัติ เพราะการปรับขึ้นราคาหน้าสลากฯ จะทำให้ผู้ค้ามีกำไรที่อยู่ได้ จากปัจจุบันหากจำหน่ายในฉบับละ 80 บาทนั้น มีกำไรเพียง 2-3 บาท แต่หากปรับขี้นจะทำให้ผู้ค้ามีกำไรเฉลี่ย 7-10 บาท ถือว่าเพียงพอที่ไม่ต้องปรับขึ้นราคาอีก
นอกจากนี้ยังกังวลว่าแนวทางดังกล่าวจะแก้ไขปัญหาสลากแพงได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะในระยะยาวหากมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารสำนักงานสลากหรือนโยบายของรัฐบาลใหม่ แนวทางการแก้ไขปัญหาสลากฯ แพงจะเปลี่ยนไปอีก ซึ่งอาจทำให้ผู้ค้าและประชาชนเกิดความสับสนมากขึ้น
ด้านนายอำนวยพร เกิดพุ่ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า ต้นทุนการผลิตสลากในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสำนักงานสลากปรับราคาจำหน่ายครั้งสุดท้ายในปี 2517 ฉะนั้นการปรับขึ้นราคาครั้งนี้อาจทำให้ปัญหาสลากฯ แพงลดลงได้ ซึ่งเงินจากการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นนั้น ควรนำมาเพิ่มรางวัลให้กับผู้ซื้อแทน
ทั้งนี้แนวคิดในการปรับขึ้นราคาหน้าสลากเป็นฉบับละ 100 บาทนั้น จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานสลาก หรือ บอร์ดสลาก เพื่อพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง แต่ขณะนี้มีรายชื่อคณะกรรมการที่แต่งตั้งไปแล้วเพียง 3 รายเท่านั้น จึงยังไม่ครบองค์ประชุมที่จะเรียกประชุมหารือเรื่องนี้ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก