
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
บลจ.กสิกรไทย เปิด 3 กองทุนตราสารหนี้ใหม่ ประมาณผลตอบแทนหลังหักภาษี 2.75-3.00% ต่อปี เสนอขาย 15-19 พ.ค.นี้
วันที่ 14 พฤษภาคม 2557 นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2557 นี้ บลจ.กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค 3 กองทุน ซึ่งทั้ง 3 กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี โดยประกอบด้วย
1. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีไอ (KFF6MBI) โดยประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี
2. กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน ซี (KFF6MBI) โดยประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.75% ต่อปี
3. กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน วี (KEFF6MV) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี
นางสาวยุพาวดี กล่าวว่า มุมมองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงมีปัจจัยการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาให้ความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะยังคงสามารถขยายตัวเป็นบวกได้ และยังไม่ถึงขั้นถดถอย แต่การเติบโตอาจจะชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา
ส่วนด้านสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว โดยพันธบัตรอายุ 5 ปี ปรับตัวลดลงจาก 3.08 % มาอยู่ที่ 2.99% ขณะที่พันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงจาก 3.70% มาอยู่ที่ 3.59% เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีมากขึ้น ทำให้นักลงทุนหันเข้ามาถือพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นและกดดันอัตราผลตอบแทนลงมา
สำหรับตราสารหนี้ที่ กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน ซี (KEFI3MC) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วย
- เงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย
- เงินฝาก PT Bank Permata Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย
- ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี
- ตราสารหนี้ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย
- ตราสารหนี้ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, ประเทศไทย
ด้าน กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน วี (KEFF6MV) เบื้องต้นจะลงทุนใน
- เงินฝากของ PT Bank Permata Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย
- เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี
- ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี
- ตราสารหนี้ ICBC Ltd., สาขาซิดนีย์
- ตราสารหนี้ Bank of East Asia Ltd., สาขาฮ่องกง
โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศ บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีไอ (KFF6MBI) โดยกองทุนดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนใน
- เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง
- เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า
- ตราสารหนี้ Bank of East Asia, สาขาฮ่องกง
- ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China, สาขาฮ่องกง
- ตราสารหนี้ ICBC Ltd., สาขาซิดนีย์
โดยตราสารหนี้ที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ สำหรับกองทุน KFF6MBI ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFF6MBI, กองทุน KEFI3MC, และกองทุน KEFF6MV สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0-2673-3888 หรือที่ www.kasikornasset.com
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
