ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม ต่ำสุดในรอบ 149 เดือน ชี้การเมืองดึงดัชนีร่วง หวั่นภาวะเศรษฐกิจไทยใกล้ซ้ำรอยวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540
วันที่ 4 เมษายน 2557 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2557 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 149 เดือน หรือ 12 ปี 5 เดือน นับจากเดือนพฤศจิกายน 2554 ว่า
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีการปรับลดลงทุกรายการ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2557 อยู่ที่ 68.8 ลดลงจาก 69.9 ส่วนดัชชีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ อยู่ที่ 58.7 ลดจาก 59.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 62.9 ลดจาก 63.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 84.9 ลดจาก 86.3
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า ปัจจัยสำคัญต่าง ๆ เช่น สถานการณ์การเมืองไทยหลังการเลือกตั้งเป็นโมฆะ, ร่าง พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านขัดต่อรัฐธรรมนูญ, การชะลอเศรษฐกิจ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย เหลือ 2.7% จาก 3% และกระทรวงการคลัง 2.6% จาก 4% ที่มีการปรับลดคาดการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจ, จ่ายเงินจำนำข้าวที่มีความล่าช้า รวมถึงข้าวและยางมีราคาลดต่ำลง ส่งผลให้เกษตรกรมีกำลังซื้อลดลง สิ่งที่กล่าวมาเป็นยังปัจจัยลบที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลดลงอีกด้วย
สำหรับความกังวลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยนั้น มีความเป็นไปได้มากที่โอกาสเศรษฐกิจไทยจะโตได้ต่ำกว่า 2 % โดยมีความใกล้เคียงกับช่วงที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยติดลบ 1.37% อีกทั้ง ในปีนี้ ภาคการท่องเที่ยว การส่งออก ฯลฯ ถูกผลกระทบจากปัญหาด้านการเมืองในประเทศ และยิ่งส่งผลหากปัญหาดังกล่าวไม่คลี่คลาย หรือยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจของไทยจะโตในระดับ 0% รวมถึงมีโอกาสติดลบอีกด้วย
นายธนวรรธน์ กล่าวต่ออีกว่า ศูนย์ฯ ยังคาดการณ์อัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจที่ 2.5% ในปีนี้ สำหรับครึ่งปีแรกมีโอกาสเติบโต 0% หรือ -0.5% ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่า เติบโตได้ถึง 5% หากมีรัฐบาลที่เสถียรภาพ แต่หากสภาวะการเมืองที่ยังวุ่นวาย รวมถึงงบประมาณ นโยบายไม่เดินหน้า จะทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการท่องเที่ยว และปีนี้เศรษฐกิจมีโอกาสโตใกล้เคียงกับ 0% หรือติดลบได้มากขึ้น แต่มีโอกาสเติบโตได้ 4-5% ในปี 2558
