เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ระบุว่า ปตท. ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม กปท. บิดเบือนข้อมูลเรื่องการผูกขาดพลังงาน ทั้งที่โปร่งใสทุกอย่าง เพราะดำเนินการภายใต้นโยบายรัฐ คาดว่า ฝ่ายที่โจมตีคงพยายามสร้างความเกลียดชัง
สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ตั้งเวทีบริเวณหน้าอาคาร ปตท.สำนักงานใหญ่ บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ล่าสุด เมื่อวานนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2557) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาง ปตท. ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคง เพราะหลังจากถูกยึดพื้นที่ ปตท. ได้มอบอำนาจให้ทหารเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย
สำหรับข้อกล่าวหาของผู้ชุมนุมที่ระบุถึงความไม่โปร่งใสของ ปตท. รวมถึงข้อกล่าวหาการผูกขาดธุรกิจพลังงานนั้น ปัจจุบัน ปตท. มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ดังนั้นจึงดำเนินงานภายใต้นโยบายของรัฐเช่นเดียวกับบริษัทน้ำมันอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการผลิตในอ่าวไทยประมาณ 27 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณการผลิตทั้งหมด เมื่อเทียบกับบริษัทต่างชาติที่ลงทุนอยู่ในขณะนี้
ส่วนด้านธุรกิจการกลั่น แม้จะถือหุ้นในโรงกลั่น 5 แห่ง คือ ไทยออยล์ ไออาร์พีซี บางจาก พีทีทีจีซี และเอสพีอาร์ซี แต่การเข้าถือหุ้นก็มาจากนโยบายรัฐบาล อาทิ ไออาร์พีซี หรือ ทีพีไอ เดิมทีประสบภาวะวิกฤตอย่างหนัก ต้องใช้เวลาปรับโครงสร้างหนี้อยู่นาน จึงมีการซื้อหุ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางปฏิรูปพลังงานที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง คือ ลดราคาน้ำมันทันที 5 บาทต่อลิตร คงต้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมพิจารณาว่า หากทำแล้วผู้ค้ารายอื่นจะเป็นอย่างไร และเหตุใดต้องเจาะจงที่ 5 บาท หมายถึงการไม่ต้องเก็บภาษีเลยใช่หรือไม่ ซึ่งค่าตลาดปัจจุบันอยู่ประมาณ 1.50 บาทต่อลิตรเท่านั้น ราคานี้ยังไม่ใช่กำไรทันทีเพราะต้องไปจ่ายค่าดำเนินการ และแบ่งระหว่างบริษัทผู้ค้าน้ำมันกับเจ้าของสถานีบริการ
นายไพรินทร์ กล่าวอีกว่า ปตท. ถูกโจมตีมาพอสมควร มีความพยายามทำให้เป็น hate speech คือ การพูดที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง ปัจจุบัน ปตท. อยู่ในที่แจ้ง ดังนั้นกรณีการถือหุ้น รายได้บริษัท หรือแม้แต่ข้อมูลคณะกรรมการ ก็สามารถตรวจสอบได้หมด แต่ทำไมยังพยายามบิดเบือน ปัจจุบันแม้จะถูกยึดสำนักงาน แต่พนักงาน ปตท. ยังทำงานอย่างเต็มที่ และพร้อมดำเนินคดีถึงที่สุดกับผู้ที่กล่าวหาให้ร้าย รวมทั้งผู้บุกรุก
นอกจากนี้ กรณีผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ปฏิรูปด้านพลังงานไปพร้อม ๆ กับการปฏิรูปทางการเมืองนั้น ปตท. คงทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องปฏิบัติตามนโยบายของผู้บริหารประเทศ ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในครั้งนี้ คงทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเติบโตยาก เช่น ตัวเลขการใช้น้ำมันปี 2557 คาดว่า คงจะโตเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจรถยนต์ ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจพลังงาน
หากกระทบธุรกิจทั้ง 3 ด้านนี้ คงไม่ต่างกับเส้นเลือดใหญ่ที่เป็นด่านสุดท้าย เมื่อเป็นเช่นนั้นประเทศไทยคงเหมือนผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะอาการอาจหายหรือเรื้อรังก็ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
