ตีความ กฎการรับเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาทครั้งใหม่ หลังจากที่มีประกาศใหม่ เรื่องเกณฑ์การรับเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท ที่ใช้เกณฑ์รายได้เป็นที่ตั้ง คนที่เคยได้รับอยู่แล้ว จะได้รับต่อไหม แล้วถ้าไม่เคยได้ จะต้องทำยังไง ก็คือการใช้เกณฑ์ระดับรายได้มาตัดสิน
จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท ซึ่งเบื้องต้นก็ยังมีความคลุมเครือกันว่า กฎใหม่ที่จะไม่ได้ทุกคนนั้น ใครจะได้รับผลกระทบตรงนี้บ้าง และกฎใหม่นี้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป
อ่านข่าว : ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ เบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท จากนี้ไม่ได้ทุกคน เช็กคุณสมบัติคนได้รับสิทธิ์ ที่นี่
1. มีสัญชาติไทย
2. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3. มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเป็นคนยืนยันสิทธิ์ ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว
หลักเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป เบี้ยผู้สูงอายุ จากตัดคนที่ได้รับความช่วยเหลืออยู่แล้ว สู่เกณฑ์รายได้
อย่างไรก็ตาม ในข้อ 4 กฎหมายฉบับเดิมกับฉบับใหม่มีความแตกต่างกันในข้อนี้ สามารถจำแนกได้ คือ
- เบี้ยผู้สูงอายุของเดิม ต้องไม่เป็นผู้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ, เบี้ยหวัด, บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลตอบแทนอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548
- เบี้ยผู้สูงอายุของใหม่ เปลี่ยนเป็น ต้องเป็นผู้ไม่มีมีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด
กล่าวโดยสรุป คือ หลักเกณฑ์เบี้ยผู้สูงอายุใหม่จะใช้ระดับรายได้มาเป็นตัวตัดสินว่าใครควรได้เงินหรือไม่ได้เงิน ซึ่งคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จะเป็นคนกำหนดเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ยังคงไม่มีหลักเกณฑ์ออกมาว่า ต้องรายได้เท่าไรถึงจะได้รบเงิน
หากได้เบี้ยผู้สูงอายุเงิน 600 บาทอยู่แล้ว แต่มีรายได้ จะถูกตัดสิทธิไหม
ทั้งนี้ ในประกาศเบี้ยผู้สูงอายุดังกล่าวมีบทเฉพาะกาลที่เขียนเอาไว้ตอนท้ายว่า ผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนรับเงินผู้สูงอายุอยู่ก่อนวันที่มีประกาศฉบับนี้ออกมา ให้ยังมีสิทธิรับเบี้ยผู้สูงอายุต่อไปตามเดิมจนกว่าจะเสียชีวิต
ส่วนคนที่อายุยังไม่ถึง 60 ปี และกำลังจะถึง ก็จะนับเกณฑ์จากคนที่ไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพตามกฎใหม่
สำหรับประเด็นอัตราเรื่องรายได้ต่ำกว่าเท่าไร ถึงจะเข้าเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุในกฎใหม่ ตอนนี้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติยังไม่ได้มีการกำหนดคุณสมบัติ ดังนั้นจึงให้กระทรวงมหาดไทยใช้อัตราเดิมไปก่อน