ในที่สุด ครม. ก็ไฟเขียวให้เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน รอบใหม่ ประจำปี 2565 เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ผู้มีรายได้น้อย โดยคาดว่าจะมีผู้ผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิบัตรคนจนรอบนี้ประมาณ 13-15 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของผู้มีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 แตกต่างไปจากปี 2558 มากพอสมควร เพราะเพิ่มเกณฑ์รายได้ครัวเรือน การถือครองทรัพย์สินต่าง ๆ เข้ามาเป็นตัวคัดกรองด้วย ส่วนจะต้องคำนวณรายได้ครัวเรือนอย่างไร แล้วใครจะได้สิทธิบ้าง มาทำความเข้าใจกัน
สำหรับเกณฑ์ของผู้มีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 จะต้องมีคุณสมบัติตรงตาม 8 ข้อ ดังนี้
1. สัญชาติไทย
2. อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
3. ไม่เป็นบุคคลดังต่อไปนี้
- ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
- ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง
- บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานรัฐ
- ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
4. ต้องเข้าเกณฑ์รายได้เฉลี่ยต่อคน และต่อครอบครัว คือ
- ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (เดือนมกราคม-ธันวาคม 2564)
- กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว จะต้องมีรายได้เฉลี่ยของครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (เดือนมกราคม-ธันวาคม 2564)
5. ต้องเข้าเกณฑ์ทรัพย์สินทางการเงินต่อคน และต่อครอบครัว ดังนี้
- ผู้ลงทะเบียน ถ้ามีเงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว ให้นำทรัพย์สินทางการเงินของทุกคนมารวมกัน แล้วหารเฉลี่ยต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
6. ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
7. ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ ดังนี้
- วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
- วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท
8. ต้องไม่มี หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (บ้าน ที่ดิน ที่นา) ไม่เกินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดดังต่อไปนี้
กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- ห้องชุด ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร
- ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่
- หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
- หากผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดิน ที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และตึกแถว แยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคน ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- หากผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดิน ที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และตึกแถว ร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกัน ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- หากผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคน ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- หากผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกัน ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
- กรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่
- กรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
เงื่อนไขสำคัญของการได้สิทธิบัตรคนจนรอบนี้ก็คือ "ต้องมีรายได้เฉลี่ยของครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง" และ "ต้องมีทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง" (เดือนมกราคม-ธันวาคม 2564)
หมายความว่า หากครอบครัวไหนมีรายได้เฉลี่ยต่อคนเกิน 100,000 บาทต่อปี ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ในปี 2564 ก็จะไม่สามารถลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ได้
เช่นเดียวกับประเด็นทรัพย์สินทางการเงิน ถ้าบ้านไหนมีรายได้น้อย เฉลี่ยทั้งบ้านไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ก็จริง แต่หากเคยมีเงินฝาก สลาก หรือพันธบัตร เฉลี่ยต่อคนเกิน 100,000 บาท จะไม่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเหมือนกัน (กรณีเปิดบัญชีร่วมกับผู้อื่นจะต้องนำเงินในบัญชีมาหารตามจำนวนบุคคลที่เปิดบัญชีร่วมกัน)
ทั้งนี้ "สมาชิกในครอบครัว" หมายถึง สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรส และบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ (นับถึงวันที่ปิดรับลงทะเบียน) แต่ไม่รวมบุตรบุญธรรม โดยนับเฉพาะที่ยังมีชีวิตอยู่
แล้วหารด้วยจำนวนสมาชิกทั้งหมด
- ถ้าได้ผลลัพธ์มากกว่า 100,000 บาท : ทุกคนในครอบครัวจะไม่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ถ้าได้ผลลัพธ์ไม่เกิน 100,000 บาท : สมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนคนที่มีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อปี จะไม่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ตัวอย่างที่ 1
ในบ้านมีสมาชิก 3 คน ดังนี้
- คนที่ 1 สามีจดทะเบียนสมรส : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 90,000 บาท
- คนที่ 2 ภรรยาจดทะเบียนสมรส : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 60,000 บาท
- คนที่ 3 บุตร อายุ 15 ปี : ไม่มีรายได้
รวมรายได้ครัวเรือนคือ 150,000 บาท หาร 3 คน เท่ากับ 50,000 บาท
ถ้าคนในบ้านนี้มีทรัพย์สินทางการเงินไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด มีอสังหาริมทรัพย์ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด ไม่มีวงเงินกู้เกินเกณฑ์ ไม่มีบัตรเครดิต ผู้ที่สามารถลงทะเบียนได้มี 2 คน คือ สามีและภรรยา เนื่องจากบุตรยังมีอายุไม่ถึง 18 ปี จะไม่สามารถลงทะเบียนได้
ตัวอย่างที่ 2
- คนที่ 1 สามีจดทะเบียนสมรส : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 260,000 บาท
- คนที่ 2 ภรรยาจดทะเบียนสมรส : เป็นแม่บ้าน ไม่มีรายได้
- คนที่ 3 บุตร อายุ 17 ปี : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 70,000 บาท
รวมรายได้ครัวเรือนคือ 330,000 บาท หาร 3 คน เท่ากับ 110,000 บาท
ดังนั้น บ้านนี้จะไม่มีใครได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แม้ภรรยาจะไม่มีรายได้ เพราะรายได้เฉลี่ยของครอบครัวเกิน 100,000 บาทต่อคน
ตัวอย่างที่ 3
ในบ้านมีสมาชิก 4 คน ดังนี้
- คนที่ 1 สามีจดทะเบียนสมรส : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 350,000 บาท
- คนที่ 2 ภรรยาจดทะเบียนสมรส : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 50,000 บาท
- คนที่ 3 บุตร อายุ 15 ปี : ไม่มีรายได้
- คนที่ 3 บุตร อายุ 8 ขวบ : ไม่มีรายได้
รวมรายได้ครัวเรือนคือ 400,000 บาท หาร 4 คน เท่ากับ 100,000 บาท
ถ้าคนในบ้านนี้มีทรัพย์สินทางการเงินไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด มีอสังหาริมทรัพย์ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด ไม่มีวงเงินกู้เกินเกณฑ์ ไม่มีบัตรเครดิต ผู้ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติลงทะเบียนได้ คือ ภรรยาเพียงคนเดียว เนื่องจากสามีมีรายได้เกิน 100,000 บาท ส่วนบุตรทั้ง 2 คน มีอายุไม่ถึง 18 ปี ยังไม่สามารถลงทะเบียนได้
ตัวอย่างที่ 4
- คนที่ 1 สามี : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 60,000 บาท
- คนที่ 2 ภรรยา : ไม่มีรายได้ ไม่มีทรัพย์สินทางการเงินเกินเกณฑ์ที่กำหนด
- คนที่ 3 บุตร อายุ 25 ปี : มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 500,000 บาท
- คนที่ 4 บุตร อายุ 17 ปี : ไม่มีรายได้ ไม่มีทรัพย์สินทางการเงินเกินเกณฑ์ที่กำหนด
- คนที่ 5 บุตร (เสียชีวิต)
กรณีนี้จะถือว่าครอบครัวนี้มีสมาชิก 3 คน คือ สามี ภรรยา และบุตรที่อายุ 17 ปี เนื่องจากการลงทะเบียนบัตรคนจนจะไม่นับบุตรที่มีอายุเกิน 18 ปี หรือบุตรที่เสียชีวิตแล้ว
ดังนั้น รายได้รวมของบ้านนี้คือ 60,000 บาท หาร 3 คิดเป็นรายได้เฉลี่ย 20,000 บาท ดังนั้น สามีและภรรยาจะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนบุตรที่อายุ 17 ปี ไม่ได้รับบัตรเพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์
ในขณะที่บุตร อายุ 25 ปี จะถือเป็นอีกครอบครัวหนึ่ง และไม่มีสิทธิรับบัตรคนจน เพราะมีรายได้เกิน 100,000 บาท
ตัวอย่างที่ 1
- สามี ถือว่ามีสมาชิกในครอบครัว 1 คน ไม่ต้องคำนวณรายได้เฉลี่ยกับภรรยา หากมีรายได้และทรัพย์สินไม่เกิน 100,000 บาท ก็มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ภรรยา ถือว่ามีสมาชิกในครอบครัว 1 คน ไม่ต้องคำนวณรายได้เฉลี่ยกับสามี หากมีรายได้และทรัพย์สินไม่เกิน 100,000 บาท ก็มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ตัวอย่างที่ 2
สามี-ภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และมีบุตร 1 คน อายุ 17 ปี โดยไม่มีชื่อบิดาในใบแจ้งเกิดของบุตร ดังนั้น
- สามี ถือว่ามีสมาชิกในครอบครัว 1 คน ไม่ต้องคำนวณรายได้เฉลี่ยกับภรรยาและบุตร
- ภรรยาและบุตร ถือว่ามีสมาชิกในครอบครัวรวม 2 คน ต้องนำรายได้ของภรรยาและบุตรมาคำนวณเฉลี่ยกัน แต่ไม่ต้องนำรายได้ของสามีมาคิด เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามี
ตัวอย่างการคำนวณ
- สามี มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 90,000 บาท
- ภรรยา มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 190,000 บาท
- บุตร อายุ 17 ปี มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 50,000 บาท
ดังนั้น สามีที่มีรายได้ 90,000 บาท ถือว่าผ่านเกณฑ์สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่ต้องนำเงินไปรวมกับภรรยาและบุตร)
ในขณะที่ภรรยาและบุตรจะมีรายได้รวมกัน 240,000 บาท หาร 2 คน เท่ากับมีรายได้เฉลี่ย 120,000 บาท จึงไม่ได้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ตัวอย่างที่ 3
- สามีและบุตร ถือว่ามีสมาชิกในครอบครัวรวม 2 คน ต้องนำรายได้มารวมกัน แต่ไม่ต้องนำรายได้ของภรรยามารวม
- ภรรยาและบุตร ถือว่ามีสมาชิกในครอบครัวรวม 2 คน ต้องนำรายได้มารวมกัน แต่ไม่ต้องนำรายได้ของสามีมารวม
ตัวอย่างการคำนวณ
- สามี มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 90,000 บาท
- ภรรยา มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 210,000 บาท
- บุตร อายุ 15 ปี มีรายได้ในปี 2564 จำนวน 30,000 บาท
เท่ากับว่า
- สามีและบุตรมีรายได้รวม 90,000 + 30,000 = 120,000 บาท หาร 2 จะมีรายได้เฉลี่ย 60,000 บาท สามีจึงผ่านเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนบุตรยังลงทะเบียนไม่ได้ เพราะอายุยังไม่ถึง
- ภรรยาและบุตรมีรายได้รวม 210,000 + 30,000 = 240,000 บาท หาร 2 จะมีรายได้เฉลี่ย 120,000 บาท ภรรยาจึงไม่ผ่านเกณฑ์ เพราะมีรายได้เกินที่กำหนด
ตัวอย่างที่ 1
- กรณีนี้รายได้เฉลี่ยครอบครัวเท่ากับ 100,000 บาท ดังนั้น ภรรยามีสิทธิบัตรคนจน แต่สามีไม่ได้สิทธิ เพราะมีเงินฝากเกิน 100,000 บาท
ตัวอย่างที่ 2
- กรณีนี้เงินฝากเฉลี่ยครอบครัวเท่ากับ 150,000 บาท ดังนั้นไม่ผ่านคุณสมบัติทั้งคู่
ตัวอย่างที่ 3
- กรณีนี้เงินฝากเฉลี่ยครอบครัวเท่ากับ 66,666.67 บาท ภรรยาจึงผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ
ตัวอย่างที่ 4
- กรณีนี้เงินฝากเฉลี่ยครอบครัวเท่ากับ 110,000 บาท จึงไม่ผ่านคุณสมบัติทั้ง 3 คน
ตัวอย่างที่ 5
- กรณีนี้เงินฝากเฉลี่ยครอบครัวเท่ากับ 133,333.33 บาท จึงไม่ผ่านคุณสมบัติทั้ง 3 คน
ตัวอย่างที่ 6
- กรณีนี้ถือว่าสามีมีเงินฝาก 100,000 บาท (บัญชีร่วมจะนำเงินมาหารกับจำนวนบุคคลที่เปิดบัญชีร่วมกัน) เมื่อรวมกับเงินฝากของภรรยา 50,000 บาท เท่ากับมีเงินฝากเฉลี่ยคนละ 75,000 บาท จึงผ่านคุณสมบัติทั้งสามี-ภรรยา
ตัวอย่างที่ 7
- กรณีนี้พ่อไม่ผ่านคุณสมบัติ เพราะบัญชีเพื่อผู้เยาว์ถือว่าเป็นบัญชีในชื่อของตัวเอง เท่ากับมีเงินฝากเกิน 100,000 บาท
1. เปิดลงทะเบียนบัตรคนจน ในวันที่ 5 กันยายน - 19 ตุลาคม 2565
โดยลงทะเบียนได้ตามช่องทางต่อไปนี้
1. ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.
2. ลงทะเบียน ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่
- สำนักงานคลังจังหวัด
- ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
- สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร
- สำนักงานเมืองพัทยา
- สาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- สาขาธนาคารออมสิน
- สาขาธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ช่วงเวลาในการเปิดรับลงทะเบียน หากตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานรับลงทะเบียนแต่ละแห่ง
2. ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ
กระทรวงการคลังจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ ภายในเดือนมกราคม 2566 ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th ซึ่งการประกาศผลจะแบ่งเป็น 2 กรณี
- กรณีลงทะเบียนผ่าน : ผู้ลงทะเบียนจะต้องยืนยันตัวตนเพื่อเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนไปติดต่อที่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย
- กรณีลงทะเบียนไม่ผ่าน : สามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือช่องทางที่กระทรวงการคลังกำหนดได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติช่วงเดือนมกราคม 2566
3. ใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านคุณสมบัติและยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะสามารถเริ่มใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ได้ ในปี 2566 ซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม รอบนี้จะไม่มีการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทน ดังนั้น ใครที่บัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุแล้ว หรือมีบัตรประจำตัวประชาชนที่ไม่ใช่แบบอเนกประสงค์ (Smart Card) แนะนำให้เปลี่ยนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) เพื่อรับสิทธิ
บทความที่เกี่ยวข้องกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2565
ขอบคุณภาพจาก : สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station
ขอบคุณข้อมูลจาก : สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station, ฐานเศรษฐกิจ, เฟซบุ๊ก กระทรวงการคลัง : Ministry of Finance, กระทรวงการคลัง, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th