ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการช่วยลูกหนี้ เพิ่มวงเงินสินเชื่อรายย่อย คงดอกเบี้ยชำระขั้นต่ำ มีผลทันที พร้อมขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มค้ำประกัน SMEs ด้านออมสิน ชะลอฟ้องร้องลูกหนี้ NPL ถึงสิ้นปี 64
ภาพจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
วันที่ 3 กันยายน 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.)
ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด
19 ได้อย่างยั่งยืน
และเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับลูกหนี้ได้มากขึ้น
มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน โดยมีมาตรการดังนี้
มาตรการรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เพื่อให้สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและเพียงพอต่อการดำรงชีวิต ประกอบด้วย
มาตรการรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เพื่อให้สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและเพียงพอต่อการดำรงชีวิต ประกอบด้วย
ภาพจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
1. การปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟูสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อกว่าคาดและยังมีความไม่แน่นอนสูง เพื่อช่วยให้บางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น ได้แก่
- ขยายวงเงินสินเชื่อให้แก่ SMEs ที่เดิมมีวงเงินสินเชื่อเดิมต่ำ หรือไม่มีวงเงินกับสถาบันการเงิน เพราะใช้เงินทุนส่วนตัวหรือรายได้ของบริษัทในการประกอบธุรกิจเป็นหลัก
- เพิ่มการค้ำประกันและปรับลดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้กับลูกหนี้กลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็น micro-SMEs และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและภาคบริการ เพื่อเอื้อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางได้มากขึ้น
ทั้งนี้ สถาบันการเงินสามารถยื่นคำขอสินเชื่อฟื้นฟูมายัง ธปท. ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นได้ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2564
2. การผ่อนปรนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อลูกหนี้รายย่อยเป็นการชั่วคราว มีผลตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2564 จนถึงสิ้นปี 2565 ประกอบด้วย
- ขยายเพดานวงเงินเป็น 2 เท่าของเงินเดือน (เดิม 1.5 เท่า) สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กรณีผู้มีรายได้ ต่ำกว่า 30,000 บาท นอกจากนี้ สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ผู้กู้สามารถขอสินเชื่อได้โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ให้บริการ
- คงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ถูกปรับลดลงในช่วงการแพร่ระบาดก่อนหน้าเหลือร้อยละ 5 ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2565
- ขยายเพดานวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลจากรายละไม่เกิน 20,000 บาท เป็น 40,000 บาท และขยายระยะเวลาการชำระคืนจากไม่เกิน 6 เดือน เป็น 12 เดือน
สำหรับมาตรการแก้ไขหนี้เดิมอย่างยั่งยืน เพื่อให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะยาวอย่างตรงจุดและเหมาะสมกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละราย โดยกำหนดการจ่ายหนี้ ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงมากของลูกหนี้ และทยอยจ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อรายได้เริ่มกลับมา รวมทั้งต้องเร่งช่วยลูกหนี้ ให้ได้จำนวนมากและเร็ว
ภาพจาก ธนาคารออมสิน
- สินเชื่อบุคคล-รายย่อย
- สินเชื่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย
- สินเชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังขาดรายได้จากผลกระทบโควิดที่ยาวนาน ทั้งการปิดกิจการถูกเลิกจ้างจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ ไม่ให้ต้องกังวลเรื่องคดีความ โดยธนาคารฯ จะไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด และไม่ฟ้องล้มละลาย แล้วแต่กรณีตามสถานะของลูกหนี้แต่ละราย จนถึงสิ้นปี 2564
อนึ้ง การชะลอดำเนินการทางกฎหมายนี้เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข และจะเป็นมาตรการที่ดำเนินการเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีการขยายระยะเวลาดำเนินการอีกในอนาคต ธนาคารขอแนะนำให้ลูกหนี้ที่ประสบปัญหา ติดต่อธนาคารออมสินสาขาเจ้าของบัญชีเงินกู้ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564