แต่ละคนย่อมมีเป้าหมายที่จะสร้างความสุขให้ชีวิตแตกต่างกันไป บางคนอยากศึกษาเล่าเรียนในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้มีความรู้เป็นรากฐานในวันข้างหน้า ขณะที่บางคนมีแพสชั่นที่จะเติมสีสันให้ชีวิตด้วยการออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังจุดหมายต่าง ๆ เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ตัวเอง และยังมีอีกหลาย ๆ คนที่ทุกอย่างกำลังลงตัว อยู่ในจุดที่พร้อมจะสร้างครอบครัว สร้างความก้าวหน้าให้ชีวิตไปอีกขั้นหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่ความฝันของคนจำนวนไม่น้อยกลับต้องสะดุดลงเพราะไม่มีเงินเก็บเพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายตามความต้องการ ดังนั้น เพื่อสานทุกฝันให้เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา เดินทางท่องเที่ยว หรือมีแพลนแต่งงานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราต้องเตรียมพร้อมเรื่องการเงินไว้ก่อน โดยเริ่มเก็บออมตั้งแต่วันนี้ ตามเทคนิคดี ๆ ที่กระปุกดอทคอมขอแชร์ให้ทราบกันค่ะ

1. ตั้งเป้าหมาย
2. คำนวณงบประมาณ
ค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาจะขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เลือกด้วย อย่างสายวิทยาศาสตร์ ค่าเทอมก็จะแพงกว่าสายศิลปศาสตร์ และหากเรียนต่อในหลักสูตรปกติของมหาวิทยาลัยในประเทศ ค่าใช้จ่ายจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับหลักสูตรนอกเวลา และหลักสูตรนานาชาติ
แต่ถ้าเลือกเรียนต่อต่างประเทศ นอกจากต้องเตรียมค่าเทอมหลายแสนบาทต่อปี ยังต้องคำนวณค่าใช้จ่ายจิปาถะ เช่น ค่าสอบวัดระดับภาษา ค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวอย่างค่าอาหาร ค่าเดินทางในประเทศนั้น ๆ ฯลฯ ซึ่งบางประเทศมีค่าครองชีพค่อนข้างสูงเอาการ จึงต้องเปรียบเทียบแต่ละหลักสูตรทั้งในประเทศและต่างประเทศดูก่อนว่า ควรเลือกแบบไหนถึงเหมาะกับตัวเองมากที่สุด
3. วางแผนการออม

4. เริ่มต้นออม
ทีนี้ก็ได้เวลาลงมือออม ซึ่งเริ่มจากวิธีง่าย ๆ เช่น
- แบ่งเงินเดือนบางส่วนมาออม
ในกรณีที่คุณยังเรียนอยู่ ไม่ได้ทำงานประจำ ก็ใช้วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายสักหน่อย และแบ่งเงินบางส่วนที่ผู้ปกครองให้ไว้มาทยอยออม ส่วนคนที่มีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว ก็สามารถหักเงินในแต่ละเดือนมาออม หรือแบ่งเงินพิเศษ เงินโบนัส มารวมด้วยก็ยิ่งดี
- หางานพิเศษเพิ่มรายได้
นักเรียน-นักศึกษา อาจหางานพาร์ตไทม์ทำในวันหยุด หรือหารายได้เสริมจากทักษะที่ตัวเองมี ส่วนคนทำงานประจำ ก็ต้องมองหาอาชีพเสริมอื่น ๆ ที่ทำได้ในช่วงเลิกงาน หรือวันหยุด เช่น ขายของออนไลน์ ทำอาหาร เป็นฟรีแลนซ์ เพื่อให้มีรายรับเข้ามาหลายทาง
- ลงทุนต่อยอดเงินออม
การรู้จักลงทุนจะทำให้ผลตอบแทนของเงินออมเติบโตไปอีกขั้น แต่จะเลือกลงทุนอะไรดี ก็ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ต้องการใช้เงิน เช่น หากวางแผนเรียนต่อในอีก 3 ปีข้างหน้า แบบนี้สามารถเลือกเปิดบัญชีเงินฝากประจำที่ได้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ หรือจะซื้อสลากออมทรัพย์ไว้ลุ้นรางวัลก็ได้ รวมทั้งลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงไม่สูงมาก

1. ตั้งเป้าหมาย
2. คำนวณงบประมาณ
เลือกสถานที่ได้แล้วก็มาคำนวณงบประมาณกันต่อว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสาร รถไฟ หรือเครื่องบิน และต้องการที่พักแบบไหน จะพักกี่คืน และต้องเผื่อค่ากิน ค่าช้อปปิ้งต่าง ๆ ไว้ด้วยนะคะ ส่วนคนที่คิดจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุติดตัวไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางจริง ๆ ตัวเลขงบประมาณที่คำนวณไว้สามารถปรับขึ้นหรือลดลงได้เสมอ ทางที่ดีก็น่าจะออมเงินให้เกินจำนวนที่คิดไว้คร่าว ๆ ก่อนดีกว่า เพื่อความอุ่นใจ
3. วางแผนการออม
จะเก็บเงินถึงเป้าหมายหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ต้องดูว่าคุณวางแผนเที่ยวล่วงหน้านานแค่ไหนเหมือนกัน สมมติว่าจะไปทริปภาคเหนือในอีก 6 เดือนข้างหน้า กำหนดงบประมาณไว้ที่ 5,000 บาท ก็อาจทยอยเก็บเงินเดือนละ 800 กว่าบาทได้แบบไม่เหนื่อยมากนัก
หรือลองคิดจากความสามารถในการเก็บเงินต่อเดือน ดูว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงทำได้ตามเป้าหมาย เช่น คุณตั้งใจเก็บเงินเพื่อการท่องเที่ยว เดือนละ 2,000 บาท อยากไปเที่ยวต่างประเทศในงบประมาณ 40,000 บาท ก็ต้องใช้เวลา 20 เดือน หรือเกือบ 2 ปี ถึงจะได้ไป

4. เริ่มต้นออม
- แบ่งเงินเดือนมาออม
ให้เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ พอเงินเดือนออกปุ๊บก็โอนบางส่วน เช่น เดือนละ 10% หรือ 20% มาเข้าบัญชีนี้ทันที และห้ามถอนเงินออกมาเด็ดขาด
- ลงทุนเพิ่มผลตอบแทน
หากเป็นทริปที่เดินทางภายใน 1 ปี คงมีตัวเลือกให้ลงทุนไม่มาก อย่างการฝากเงินดอกเบี้ยสูง หรือเลือกลงทุนในหุ้น ซึ่งมีความเสี่ยงสูงควรระวัง แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกลับมาภายในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ถ้าเป็นทริปที่วางแผนไว้ล่วงหน้านานหน่อย จะลงทุนได้หลากหลายกว่าและเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าได้ เช่น ฝากประจำ ซื้อสลากออมทรัพย์ พันธบัตรออมทรัพย์ กองทุนรวม ฯลฯ
- เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน
อยากเก็บเงินได้มากขึ้นก็ต้องใช้จ่ายให้น้อยลง ลองจดบัญชีรายรับ-รายจ่ายดูเลยก็ได้ว่าสิ่งไหนเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็น-ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ตัดใจลดส่วนฟุ่มเฟือยให้ได้ทุกเดือนแล้วจะเหลือเงินเก็บเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
- ใช้โปรโมชั่นให้เกิดประโยชน์
การวางแผนไว้แต่เนิ่น ๆ จะมีโอกาสจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พักได้ราคาถูกกว่าปกติ เพราะมักมีโปรโมชั่นราคาพิเศษเอาใจคนจองล่วงหน้า รวมทั้งสิทธิพิเศษและส่วนลดจากการจองผ่านบัตรเครดิต ดังนั้น ต้องคอยติดตามตรวจสอบโปรโมชั่นอยู่เรื่อย ๆ
วิธีเก็บเงินเพื่องานวิวาห์

1. ตั้งเป้าหมาย
2. คำนวณงบประมาณ
3. วางแผนการออม
ในขั้นนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องมาสรุปว่าจะใช้งบประมาณเท่าไร แล้วตอนนี้มีเงินเก็บอยู่เท่าไร ต้องใช้ระยะเวลาเก็บเงินร่วมกันอีกนานแค่ไหน
ยกตัวอย่าง ถ้าคุณตั้งใจจะจัดงานในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณราว ๆ 600,000 บาท ปัจจุบันมีเงินเก็บอยู่ 100,000 บาท แสดงว่าต้องเก็บเงินเพิ่มอีก 500,000 บาท หรือปีละ 250,000 บาท เท่ากับต้องช่วยกันเก็บเงินให้ได้เดือนละ 20,000 กว่าบาท แต่หากตั้งงบประมาณไว้ต่ำกว่านี้ หรือมีระยะเวลาเก็บเงินได้นานกว่านี้ จำนวนเงินที่ต้องออมต่อเดือนก็จะน้อยลง ลองเปรียบเทียบจากตารางข้างล่างนี้ได้เลย

4. เริ่มต้นออม
คุณสามารถแบ่งเงินเดือนหรือรายได้บางส่วนมาเก็บไว้ในบัญชีเงินออมเพื่อการแต่งงานโดยเฉพาะ แต่เนื่องจากการแต่งงานต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว และมีรายละเอียดมากมายที่ทำให้เลื่อนกำหนดการได้ยากกว่าการเรียนต่อ หรือท่องเที่ยว จึงควรนำเงินออมไปลงทุนระยะสั้นที่ได้ผลตอบแทนแน่นอน และมีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝากดอกเบี้ยสูง กองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อไม่ให้สูญเสียเงินต้น
หรือถ้าวางแผนแต่งงานในอีกอย่างน้อย 2-3 ปีข้างหน้า จะเลือกฝากเงินแบบปลอดภาษี กองทุนรวมตราสารหนี้ หรือซื้อสลากออมทรัพย์เอาไว้ลุ้นรางวัลให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้นก็ดีค่ะ แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนในหุ้น ทองคำ หรือสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เพราะเดาสภาวะตลาดในอนาคตไม่ได้เลย เกิดขาดทุนขึ้นมาอาจต้องพับแผนวิวาห์ไปอย่างน่าเสียดาย
มาถึงตรงนี้ก็คงจะเห็นแนวทางการออมเงินของตัวเองแล้วใช่ไหมคะ หากคุณมีวินัยและตั้งใจจริงย่อมทำได้แน่นอน แต่สำหรับบางคน บางความฝันอาจรอไม่ได้ เพราะมีโอกาสเข้ามาก่อนที่เงินจะพร้อม จึงจำเป็นต้องใช้เงินก้อนทันที ซึ่งคงไม่สามารถออมเงินตามแผนที่วางไว้ได้ทัน แต่ก็อย่าเพิ่งล้มเลิกความตั้งใจไปนะคะ อย่างน้อยยังสามารถขอสินเชื่อบุคคลมาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณมีบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน หรือสลากออมสินพิเศษ แนะนำให้ขอ “สินเชื่อชีวิตสุขสันต์” ของธนาคารออมสิน ที่จะเปลี่ยนเงินออมให้เป็นเงินหมุนเวียนใช้จ่ายด้านการอุปโภค บริโภค เป็นทุนการศึกษา แต่งงาน ท่องเที่ยว หรือเป็นเงินสำรองในเวลาฉุกเฉินตามความต้องการ
ที่สำคัญก็คือ "สินเชื่อชีวิตสุขสันต์" เป็นสินเชื่อที่ขอกู้ได้ง่ายมาก ให้วงเงินสูง ได้เงินไว ดอกเบี้ยถูก อาชีพไหนก็กู้ได้ ไม่ต้องตรวจประวัติทางการเงิน แค่มีสมุดเงินฝากของธนาคารออมสิน หรือสลากออมสินพิเศษของตัวเอง หรือบุคคลอื่นที่ให้ความยินยอม ก็ใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ได้แล้ว โดยระหว่างนั้นเงินฝากก็ยังได้รับดอกเบี้ย และสลากออมสินพิเศษก็ยังได้ลุ้นรางวัลทุกเดือนเหมือนเดิม แถมยังให้เลือกผ่อนชำระเงินกู้ได้ทั้งรายเดือน และรายปี (หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)
