x close

อปท. ซัด กรมบัญชีกลาง เข้ามาวุ่นจ่ายเงินผู้สูงอายุ จนไม่มีจ่าย - ทวง 1,500 ล้าน หายไปไหน !


          ชมรมพัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย) ซัดแหลกกรมบัญชีกลาง กรณีเข้ามาวุ่นเรื่องเงินผู้สูงอายุ ปกติจะมีการดึงงบจากส่วนต่าง ๆ ของรอยต่อปีงบประมาณมาสำรองจ่ายก่อน ไม่มีปัญหา แต่ปีนี้กรมบัญชีกลางมาวุ่นเอง จนไม่มีจ่าย บอกมีเงินสำรอง 1,500 ล้าน จ่ายให้ไหว ถาม แล้ว 1,500 ล้าน หายไปไหน !

          วันที่ 12 กันยายน 2563 เฟซบุ๊ก ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แห่งประเทศไทย ได้ออกมาพูดถึงกรณีที่ เงินผู้สูงอายุ ของเดือนกันยายน 2563 ไม่สามารถจ่ายได้ทันเวลา ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้ยืนยันแล้วว่า ในเดือนนี้ไม่ใช่ว่าจะงดจ่าย แต่เป็นเพียงการเลื่อนจ่าย เนื่องจากเมื่อตรวจสอบงบประมาณในเดือนกันยายน 2563 พบว่าไม่เพียงพอ ดังนั้น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจึงต้องจัดสรรเพิ่ม กรมบัญชีกลางจึงสามารถจ่ายได้

          อ่านเพิ่มเติม : เงินผู้สูงอายุ - คนพิการ เดือนกันยายน 2563 จ่ายเงินให้ไม่ได้ เพราะอะไร

          ทั้งนี้ ทางเพจเผยว่า ทางเพจเป็นผู้ปฏิบัติงานเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล) ซึ่งรับงบประมาณมาจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่จัดสรรจ่ายเงินให้เงินผู้สูงอายุ เงินผู้พิการ ทั่วประเทศ ยกเว้นกรุงเทพมหานครและพัทยา ที่อยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งกรุงเทพมหานครและพัทยา จะรับเงินงบประมาณมาจากสำนักงบประมาณโดยตรง

ย้อนปี 2552-2560 มีการจ่ายเงินผู้สูงอายุ หากงบไม่พอสามารถเอาเงินสำรองมาจ่ายก่อนไหม

          ย้อนกลับไปที่ปี 2552-2559 ได้เกิดนโยบายรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ทำงานร่วมกันด้วยดีมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหาสะดุดเรื่องการจ่ายเงินผู้สูงอายุ และเงินคนพิการ ซึ่งหากเงินไม่พอ ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะยืมเงินสะสมทดรองสำรองจ่ายไปก่อน จากนั้นก็จะทำรายงานไปขอเงินในส่วนที่ขาด และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็จะจัดสรรเงินส่วนที่ขาดมาให้ แต่จะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการ

          ทว่าตั้งแต่ปี 2560 หากงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่มี หรือยังไม่ได้รับการจัดสรรหรือจัดสรรมาช้า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถยืมเงินสะสมมาจ่ายก่อนได้  และในไตรมาสที่ 2 หากงบประมาณยังไม่ได้จัดสรร ก็สามารถใช้งบประมาณประจำปีที่มีใช้จ่ายไปก่อนได้ และถ้ายังมีเงินไม่พออีกก็จะทำข้อตกลงกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในการใช้เงินสะสมได้ และถ้าหากมีเงินสะสมไม่เพียงพอ ก็สามารถใช้เงินทุนสำรองสะสมมาใช้ก่อนได้อีก จึงทำให้การจ่ายเงินผู้สูงอายุ เงินผู้พิการ ไม่มีข้อขัดแย้งใด ๆ

กรมบัญชีกลาง เข้ามาโอนงบประมาณตั้งแต่ปี 2563 ทำเรื่องสะดุด เงินไม่พอจ่าย

          ทว่า เดือนมกราคม 2563 ซึ่งเป็นปีงบประมาณ 2563 กรมบัญชีกลางได้เข้ามามีหน้าที่โอนงบประมาณแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

          ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 มีการเชิญผู้แทนชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 5 คน ซึ่งเป็นประธานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ตัวแทนของแต่ละภาค มาประชุมกัน

          ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางต้องการนำร่องโอนเงินผู้สูงอายุ และเงินผู้พิการ แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกำหนดไว้ 9 จังหวัด คือ น่าน อุทัยธานี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม จันทบุรี นครราชสีมา มุกดาหาร พังงา และสงขลา แต่ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดขัดเรื่องระบบการลงทะเบียนและจ่ายเงิน จนต้องมีการเลื่อนออกไป

          ในการประชุมครั้งนั้นมีการสอบถามปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเงินงบประมาณไม่เพียงพอ จะทำอย่างไร ทางกรมบัญชีกลางให้คำตอบว่า มีเงินสำรอง 1,500 ล้านบาท ในการสำรองให้ก่อน แล้วจะไปเรียกเก็บคืนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเอง ซึ่งทางผู้เข้าร่วมประชุมต่างพอใจในคำตอบ เพราะมองว่าเงินนี้เป็นเงินทดรองราชการที่สามารถสำรองแทนก่อนได้ คล้ายกับที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำมาก่อน

งบประมาณ

ข้อตกลง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้โอนเงินเข้าคลัง ไม่ต้องโอนเงินให้ อปท. แล้วกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเอง

          วันที่ 11 กรกฎาคม 2562 กรมบัญชีกลาง ได้ย้ำอีกว่า หากเงินสำรองไม่พอ จะมีเงิน 1,500 ล้านบาท สำรองให้ก่อน โดยเริ่มนำร่องที่ จ.สิงห์บุรี เดือนสิงหาคม 2562 เป็นต้นมา และตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ พร้อมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จ.สิงห์บุรี อีก 3 แห่ง ก็เข้าร่วมโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม e-Social Welfare พร้อมกัน โดยมีหลักการที่ว่า

          - ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณไปที่บัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ต้องจัดสรรไปที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตรงแล้ว

          - จากนั้น กรมบัญชีกลางจะโอนเงินให้เฉพาะคนที่มีชื่อในระบบของปีงบประมาณ 2563 ของระบบสารสนเทศการจัดการฐานข้อมูลเบี้ยยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

          - ถ้าไม่มีชื่อ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะเป็นคนโอนเงินให้เอง

ยันเดือนกันยายน ใครรับเงินสดไม่มีปัญหา ส่วนใครรับผ่านบัญชีธนาคาร ต้องรอไปก่อน

          ส่วนวิธีการจ่ายเงินนั้นจะทำได้ 2 แบบ คือ 1. จ่ายเงินสด และ 2. โอนเข้าบัญชีธนาคาร โดยในเดือนกันยายน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีปัญหาในการจ่ายเงินสด เพราะหากไม่มีเงินก็สามารถนำเงินสะสมหรือทุนสำรองมาจ่ายได้ก่อน จากนั้นค่อยไปยื่นเบิกจ่ายทีหลัง ทางกรมบัญชีกลางก็จะโอนงบประมาณมาคืนให้

          แต่จะมีปัญหาตรงที่การโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถสำรองจ่ายให้ก่อนได้ เพราะหากสำรองจ่ายไปก่อน จะทำให้เงินที่จ่ายซ้ำซ้อนกับที่กรมบัญชีกลางจ่าย

          "ดังนั้น พวกเราในนามของชมรมพัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย) จึงขอฝากไปถึงกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ว่าอย่าเอาชาวบ้านมาเป็นตัวประกันในการทำงาน

          ตอนจะทำงานพูดสวยหรูว่าจะสำรองให้ แต่ถึงเวลาจริง ๆ ไม่สำรองให้ เพราะว่าอะไรก็ต้องชี้แจงมาให้พวกเราได้รับทราบว่าเพราะอะไร ทำไมใช้เงินทดรองราชการไม่ได้ ติดขัดอะไรตรงไหน ไม่มีความพร้อมหรือไม่ ก็ส่งคืนกลับมาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจ่ายเหมือนเดิม เพราะว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่เคยทำให้ประชาชนผิดหวังอยู่แล้ว"

อปท. ซัด กรมบัญชีกลาง
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อปท. ซัด กรมบัญชีกลาง เข้ามาวุ่นจ่ายเงินผู้สูงอายุ จนไม่มีจ่าย - ทวง 1,500 ล้าน หายไปไหน ! อัปเดตล่าสุด 15 กันยายน 2563 เวลา 11:33:58 44,325 อ่าน
TOP