คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ มาตรการช่วยเหลือน้ำท่วม ให้สามารถนำเงินบริจาค ตั้งแต่ 5 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม นี้ หักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า พร้อมยกเว้นภาษีซ่อมบ้าน-รถ สำหรับผู้ประสบภัย
วันที่ 1 สิงหาคม 2560 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยผู้ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในระหว่างวันที่ 5 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2660 ผ่านส่วนราชการหรือกองทุนต่าง ๆ ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมสรรพากร ให้สามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ปรับเพิ่มขึ้นจากปกติที่ได้เพียง 1 เท่า
ขณะเดียวกันยังให้ขยายเกณฑ์โครงการสินเชื่อฟื้นฟูเอสเอ็มอี จากที่ก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ ซึ่งเหลือวงเงินอยู่ 3,500 ล้านบาท มาใช้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ประกาศเป็นพื้นที่อุทกภัย วงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท/ราย ระยะเวลา 7 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 ที่ 3% และปีที่ 4-7 คิดอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และมีระยะเวลาการขอสินเชื่อได้ภายใน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2560 หรือจนกว่าวงเงินจะหมด
1. ต้องบริจาคให้กับหน่วยงานราชการ มูลนิธิ องค์การหรือสถานสาธารณกุศล ที่กำหนดในราชกิจจานุเบกษา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งตัวแทนรับบริจาคที่เป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ที่ได้ขึ้นทะเบียนแจ้งขอเป็นตัวแทนรับบริจาคกับกรมสรรพากร เช่น สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ
2. จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเท่าไหร่ ?
- กรณีบุคคลธรรมดา สามารถนำจำนวนเงินที่บริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 1.5 เท่า แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
- กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค ไปหักเป็นรายจ่ายได้ 1.5 เท่า แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะต่าง ๆ แล้วต้องไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ
3. ต้องมีหลักฐานการรับบริจาค ที่ระบุว่าเป็นการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยอาจระบุช่วงเวลาที่เกิดอุทกภัยไว้ด้วย รวมทั้งต้องพิสูจน์ได้ว่ามีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในช่วงระยะเวลาที่เกิดอุทกภัย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สกลนครซิตี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก