กฎหมายล้มละลาย หากถูกฟ้องล้มละลายควรทำตัวอย่างไรดี วันนี้เรามีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกฎหมายล้มละลายมาฝาก
เรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใคร หากเกิดปัญหาหนี้สินขึ้นมาเมื่อไร ก็มีโอกาสถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลายได้มากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะหนี้ก้อนโตมากกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป เช่น ขาดส่งบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้สำหรับผู้ที่เข้าข่ายกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย อย่าเพิ่งตกใจและขวัญเสีย ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายล้มละลาย แล้วค่อย ๆ คิดหาทางออกกันนะคะ
เป็นหนี้แบบไหนถึงถูกฟ้องล้มละลาย
1. บุคคลธรรมดา เป็นหนี้มูลค่ารวมเกิน 1 ล้านบาท
2. นิติบุคคล เป็นหนี้มูลค่ารวมเกิน 2 ล้านบาท
3. สืบแล้วพบว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือไม่มีความสามารถที่จะชำระหนี้ดังกล่าวได้
ขั้นตอนการฟ้องล้มละลาย
1. มีการติดตามทวงหนี้เป็นระยะ หากไม่มีการติดต่อกลับหรือไม่มีเงินชำระหนี้ อาจถูกฟ้องล้มละลายได้
2. เมื่อใกล้หมดอายุความ (10 ปี) เจ้าหนี้จะเร่งส่งหนังสือทวงถาม โดยช่วงปีที่ 9 และปีที่ 10 จะมีการส่งหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ภายใน 7 วัน และจะมีจดหมายทวงหนี้ซ้ำ ๆ อีก 3-4 ครั้ง หากยังไม่ตอบกลับจึงส่งฟ้องล้มละลายต่อไป
3. มีการยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด
4. สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยลูกหนี้จะไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ กับทรัพย์สินของตนเองได้
5. เจ้าหนี้ประชุมตกลงกันว่าจะประนอมหนี้ หรือจะเห็นควรให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย
6. เข้าสู่กระบวนการพิพากษาเป็นบุคคลล้มละลาย
เป็นหนี้แบบไหนถึงถูกฟ้องล้มละลาย
1. บุคคลธรรมดา เป็นหนี้มูลค่ารวมเกิน 1 ล้านบาท
2. นิติบุคคล เป็นหนี้มูลค่ารวมเกิน 2 ล้านบาท
3. สืบแล้วพบว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือไม่มีความสามารถที่จะชำระหนี้ดังกล่าวได้
ขั้นตอนการฟ้องล้มละลาย
1. มีการติดตามทวงหนี้เป็นระยะ หากไม่มีการติดต่อกลับหรือไม่มีเงินชำระหนี้ อาจถูกฟ้องล้มละลายได้
2. เมื่อใกล้หมดอายุความ (10 ปี) เจ้าหนี้จะเร่งส่งหนังสือทวงถาม โดยช่วงปีที่ 9 และปีที่ 10 จะมีการส่งหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ภายใน 7 วัน และจะมีจดหมายทวงหนี้ซ้ำ ๆ อีก 3-4 ครั้ง หากยังไม่ตอบกลับจึงส่งฟ้องล้มละลายต่อไป
3. มีการยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด
4. สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยลูกหนี้จะไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ กับทรัพย์สินของตนเองได้
5. เจ้าหนี้ประชุมตกลงกันว่าจะประนอมหนี้ หรือจะเห็นควรให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย
6. เข้าสู่กระบวนการพิพากษาเป็นบุคคลล้มละลาย
1. เมื่อได้รับจดหมายทวงหนี้ให้รีบหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ และทำการผ่อนชำระหนี้บางส่วน เช่น 10-30% ของจำนวนหนี้ เป็นต้น
2. ควรเจรจาขอลดหนี้ในช่วงก่อนถูกฟ้องล้มละลาย เพราะในช่วงล้มละลายเจ้าหนี้ได้ถูกตัดหนี้ที่สูญไปแล้ว เงินที่ชำระทั้งหมดจะถือเป็นกำไรของเจ้าหนี้ จึงทำให้สามารถตกลงกันได้ง่ายกว่า
3. เมื่อได้รับหมายศาลให้รีบปรึกษาทนายความ โดยเฉพาะทนายความด้านคดีล้มละลาย เพราะมีความเชี่ยวชาญมากกว่า ไม่ควรดำเนินการด้วยตนเองเพราะอาจเกิดความเสียเปรียบหรือเสียรู้ได้
5. หรือหากถูกพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว จะไม่สามารถทำนิติกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินได้ แต่ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยควรเข้าไปติดต่อขอเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้อีกครั้ง และทยอยผ่อนชำระ แต่ถ้าได้เคยขอประนอมหนี้ไม่เป็นผลมา จะห้ามไม่ให้ขอประนอมหนี้ภายในเวลา 3 เดือนนับแต่วันที่การขอประนอมหนี้ครั้งสุดท้ายไม่เป็นผล
1. ทำธุรกรรมการเงินไม่ได้ เช่น เอกสารการเงิน เปิดบัญชีธนาคาร เพราะอำนาจในทรัพย์สินเป็นของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์สินแต่เพียงผู้เดียว
2. หากถูกสั่งล้มละลายแล้วจะต้องเป็นบุคคลล้มละลาย 3 ปี จึงจะถูกปลดจากล้มละลาย แต่หากไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหนี้ก็อาจขยายเวลาเป็น 5 ปี หรือ 10 ปีได้
3. สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ต้องขออนุญาตต่อพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สิน พร้อมนำส่งรายได้ประมาณ 30% เพื่อชำระหนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
4. หากครบกำหนด 3 ปี สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์สินเพื่อขอปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลายได้
5. หลังจากพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย ก็สามารถดำเนินชีวิต ทำงานบริษัท หรือทำธุรกรรมได้ตามปกติ
การพ้นจากบุคคลล้มละลาย
1. เมื่อศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ได้แบ่งทรัพย์สินชำระให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วไม่น้อยกว่า 50%
2. พ้นกำหนดระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย เว้นแต่หากไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหนี้ก็อาจขยายเวลาเป็น 5 ปี หรือ 10 ปีได้
ทั้งนี้ นี่เป็นเพียงข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับการถูกฟ้องล้มละลายเท่านั้น หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ควรปรึกษาทนายความเพื่อขอรับคำปรึกษาและแนวทางแก้ไขจะดีที่สุดนะคะ
*หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 24 กรกฎาคม 2561
ขอบคุณข้อมูลจาก