เงินประกันสังคมได้คืนตอนไหน หลังจากส่งเงินสมทบไปทุกเดือน แล้วจะมีกรณีไหนที่ทำให้เราได้เงินคืนจากประกันสังคมบ้าง อย่างที่ทราบกันดีว่า ผู้ประกันตน ประกันสังคม มาตรา 33 ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม สูงสุด 9,000 บาท/ปี ส่วนผู้ประกันตน ประกันสังคม มาตรา 39 ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุด 5,184 บาท/ปี ในขณะที่ประกันสังคม มาตรา 40 ส่งเงินสมทบสูงสุด 840-3,600 บาท/ปี ซึ่งเงินสมทบก้อนนี้จะถูกแบ่งสันปันส่วนเพื่อให้เกิดความคุ้มครองในด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม หลายคนมีความสงสัยว่า ประกันสังคมจะได้คืนตอนไหน เมื่อไหร่ กรณีใดบ้าง ชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันหน่อย โดยทั่วไปเงินประกันสังคมที่เราจ่ายไปนั้นไม่สามารถขอคืนได้แบบตรง ๆ เนื่องจากเป็นเงินที่ใช้เพื่อดูแลกรณีต่าง ๆ ให้ผู้ประกันตนตามแต่ละมาตรา เช่น มาตรา 33 และมาตรา 39 ก็จะมีสิทธิประโยชน์ในการรักษาพยาบาลฟรี ณ โรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนไว้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายกรณีที่เราสามารถขอเบิกเงินจากกองทุนประกันสังคมได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อคุ้มครองตามสิทธิที่ผู้ประกันตนมี ดังนี้ ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 หรือมาตรา 40 การส่งเงินสมทบประกันสังคมเกินอัตราที่กำหนดอาจเกิดได้จากกรณี เช่น ในปีนั้นได้ทำงานกับนายจ้างหลายคนเลยถูกหักเงินสมทบซ้ำซ้อน มีความผิดพลาดในการคำนวณฐานเงินเดือน เช่น รวมรายได้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป หรือพิมพ์ตัวเลขผิด สำนักงานประกันสังคมปรับลดอัตราส่งเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือในกรณีต่าง ๆ เช่น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่เราจ่ายเงินในอัตราเดิมไปก่อนแล้ว กรณีนี้เราสามารถขอคืนเงินสมทบส่วนเกินนั้นได้ โดยไปติดต่อสำนักงานประกันสังคม เพื่อยื่นเรื่องขอรับเงินส่วนที่ชำระเกินภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่นำส่งเงินสมทบหรือวันที่ได้รับแจ้ง หากไม่ได้ยื่นเรื่องภายใน 1 ปี จะไม่สามารถขอคืนเงินส่วนนี้ได้อีก ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน ผู้ประกันตน มาตรา 33 หรือก็คือมนุษย์เงินเดือนทั่วไป หากอยู่ในสถานะว่างงานจะได้รับเงินช่วยเหลือตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ กรณีถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในระหว่างการว่างงาน 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย ครั้งละไม่เกิน 180 วัน ซึ่งถ้าคิดจากฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาท จะได้รับเงินชดเชยสูงสุด 7,500 บาท กรณีลาออกเอง จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในระหว่างการว่างงาน 30% ของค่าจ้างเฉลี่ย ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ซึ่งถ้าคิดจากฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาท เท่ากับจะได้รับเงินชดเชยสูงสุดที่ 4,500 บาท ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนเดือนที่คลอด กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะได้รับเงินดังนี้ ค่าตรวจและรับฝากครรภ์ : จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,500 บาท ค่าคลอดบุตร : เหมาจ่าย 15,000 บาท ต่อการคลอดบุตร 1 ครั้ง เงินสงเคราะห์กรณีหยุดงาน : สำหรับผู้ประกันตนหญิงจะได้รับเงินสงเคราะห์จากการหยุดงาน ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นระยะเวลา 90 วัน (ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 2 ครั้ง) ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน โดยจะได้รับเงินเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อคน คราวละไม่เกิน 3 คน ตั้งแต่เด็กมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนประสบเหตุ ในกรณีที่ผู้ประกันตนสูญเสียอวัยวะ หรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะ หรือของร่างกาย หรือสูญเสียภาวะปกติของจิตใจ จนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้ จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพซึ่งไม่เกิดจากการทำงาน หากทุพพลภาพรุนแรงจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย ทุกเดือน ตลอดชีวิต หากทุพพลภาพไม่รุนแรงจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 30 หรือในส่วนที่ลดลง แต่ไม่เกินร้อยละ 30 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 180 เดือน ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่คณะกรรมการการแพทย์กำหนด กรณีเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพจากการทำงาน กรณีเจ็บป่วยจากการทำงาน และแพทย์สั่งให้หยุดงาน ไม่สามารถมาทำงานได้ ได้รับค่าทดแทนจำนวน 70% ของค่าจ้างรายเดือน ตั้งแต่วันแรกที่หยุดงาน กรณีสูญเสียอวัยวะ ได้รับเงินค่าทดแทน จำนวน 70% ของค่าจ้างรายเดือน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี กรณีทุพพลภาพ ได้รับเงินค่าทดแทน จำนวน 70% ของค่าจ้างรายเดือน ตลอดชีวิต กรณีถึงแก่ความตาย หรือสูญหาย ได้รับเงินค่าทดแทน จำนวน 70% ของค่าจ้างรายเดือน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง โดยได้จ่ายเงินสมทบมาตั้งแต่ 1 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน (15 ปี) จะได้รับเงินดังนี้ จ่ายเงินสมทบ 1-11 เดือน : ได้รับเงินเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่จ่ายเข้ากรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ เฉพาะส่วนของผู้ประกันตนเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งคิดเป็น 3% ของฐานเงินเดือน 1,650-15,000 บาท จ่ายเงินสมทบ 12-179 เดือน : ได้รับเงินเท่ากับจำนวนเงินสมทบกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ ที่ตัวเองและนายจ้างจ่ายไว้ทั้งหมด ซึ่งคิดเป็น 6% ของฐานเงินเดือน 1,650-15,000 บาท พร้อมกับผลประโยชน์ตอบแทนจากการที่ประกันสังคมนำเงินส่วนนี้ไปลงทุน ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง โดยได้จ่ายเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเงินดังนี้ จ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน : ได้รับเงินเท่ากับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย จ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน : ได้รับเงินเท่ากับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย และได้รับเงินเพิ่มอีกปีละ 1.5% สำหรับทุก ๆ 12 เดือน ที่จ่ายเงินสมทบเพิ่มเติมจาก 180 เดือน เช่น ถ้าส่งเงินสมทบมา 192 เดือน (16 ปี) จะได้เงินบำนาญ 21.5% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ใครมีสิทธิ : เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 1 เดือน ภายใน 6 เดือน ก่อนเสียชีวิต โดยผู้จัดการศพหรือทายาทจะได้รับเงินดังนี้ เงินบำเหน็จชราภาพ หรือเงินบำนาญชราภาพของผู้ประกันตน : จะได้รับเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ส่งเงินสมทบ รวมทั้งระยะเวลาที่ผู้ประกันตนได้รับเงินบำนาญไปแล้ว เงินค่าทำศพ : จ่ายให้แก่ผู้จัดการศพ จำนวน 50,000 บาท เงินสงเคราะห์กรณีตาย : หากก่อนตายได้ส่งเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 36 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 120 เดือน ทายาทจะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย 2 เดือน หากก่อนตายได้ส่งเงินสมทบตั้งแต่ 120 เดือนขึ้นไป ทายาทจะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย 6 เดือน ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 หรือทางเลือกที่ 2 : ได้รับเงินชดเชย 50-300 บาทต่อวัน (ขึ้นอยู่กับว่าเป็นผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก) ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 : ได้รับเงินชดเชย 200-300 บาทต่อวัน (ขึ้นอยู่กับว่าเป็นผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก) ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 หรือทางเลือกที่ 2 : ได้รับเงินชดเชย 500-1,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลานาน 15 ปี (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบ) ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 : ได้รับเงินชดเชย 500-1,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบ) ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 หรือทางเลือกที่ 2 : ทายาทได้รับค่าทำศพ 25,000 บาท และหากจ่ายเงินสมทบมาครบ 60 เดือน ก่อนเสียชีวิต จะได้เพิ่มอีก 8,000 บาท ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 : ทายาทได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 2 : รับบำเหน็จชราภาพ 50 บาทต่อเดือน คูณด้วยระยะเวลาที่ส่งเงินสมทบเพื่อกรณีชราภาพ และบวกด้วยเงินผลกำไรที่สำนักงานประกันสังคมนำเงินส่วนนี้ไปลงทุน ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 : รับบำเหน็จชราภาพ 150 บาทต่อเดือน คูณด้วยระยะเวลาที่ส่งเงินสมทบเพื่อกรณีชราภาพ บวกด้วยเงินผลกำไรที่สำนักงานประกันสังคมนำเงินส่วนนี้ไปลงทุน และหากจ่ายเงินสมทบมาแล้วครบ 180 เดือน จะได้รับเงินก้อนอีก 10,000 บาท ผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรคนละ 200 บาทต่อเดือน (คราวละไม่เกิน 2 คน) สำหรับบุตรแรกเกิดถึงอายุ 6 ปีบริบูรณ์ สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากประกันสังคมมีอยู่หลายด้าน ใครเป็นผู้ประกันตนมาตราไหน ควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขอย่างถี่ถ้วน เพื่อใช้สิทธิที่มีได้อย่างถูกต้อง ประกันสังคม จ่ายเท่าไหร่ คุ้มครองอะไรบ้าง สรุปทุกสิทธิและวิธีเช็กสิทธิประกันสังคม มาตรา 33, 39, 40 ประกันสังคม มาตรา 33 กับสิทธิประโยชน์ที่มนุษย์เงินเดือน-ลูกจ้างจำเป็นต้องรู้ ! ประกันสังคม มาตรา 39 คืออะไร สิทธิประกันสังคม มีอะไรบ้าง 3 วิธีเช็กเงินชราภาพประกันสังคม มาตรา 33 และ 39 รู้ไหมเรามีเงินสะสมอยู่เท่าไร ? วิธีขอคืนเงินสมทบประกันสังคมที่ส่งเกิน รีบยื่นเรื่องภายใน 1 ปี ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : สำนักงานประกันสังคม (1), (2), (3)
แสดงความคิดเห็น