เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คำแนะนำในการใช้ บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต เพื่อไม่ให้เป็นหนี้เกินตัวบัตรเครดิต หรือเดบิต จนเกินตัวหรือเกินความจำเป็น
ในกระเป๋าสตางค์ของคุณ นอกจากจะมีเงินสด เงินเหรียญ บัตรสมาชิกต่าง ๆ อยู่เต็มไปหมดแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่คนสมัยใหม่มีติดกระเป๋ากันทุกคนก็คือ "เงินพลาสติก" หรือก็คือบัตร "เครดิต" และ "เดบิต" ของคุณนั่นเองค่ะ เราได้หยิบบัตรทั้งสองขึ้นมาใช้แทนเงินสดในหลาย ๆ วาระโอกาสต่าง ๆ กันไป แต่ก็มีอยู่หลาย ๆ ครั้งใช่ไหมล่ะที่คุณก็ยังไม่แน่ใจกับตัวเองว่า กับการจับจ่ายในเรื่องแบบนี้ จะใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตดีกว่ากันนะ งั้นลองมาดูข้อมูลจากเว็บไซต์ theweek ที่กระปุกมันนี่นำมากฝากกันก่อนดีกว่า มันน่าจะจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายและเหมาะสมมากขึ้น
ควรใช้บัตรเครดิต เมื่อ... 1. เมื่อคุณกำลังพยายามสร้างเครดิตให้ตัวเอง
หากคุณกำลังต้องการสร้างเครดิตที่ดีให้ตัวเอง เผื่อเอาไว้ในภายภาคหน้ามันจะได้มีประโยชน์ในการกู้เงินสำหรับซื้อของชิ้นใหญ่ต่าง ๆ อย่างเช่นซื้อรถหรือซื้อบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินจะสอบประวัติทางการเงินย้อนหลัง ว่าคุณชำระหนี้บัครเครดิตได้ตรงทุกงวดหรือไม่ หากมีประวัติการชำระเงินที่ดี ตรงเวลาทุกงวด โอกาสที่การยื่นกู้ครั้งนั้นจะผ่านการอนุมัติก็มีสูงขึ้น สำหรับใครที่คิดจะสร้างเครดิตที่่ดีทางการเงินให้ตัวเองก็ให้จับจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้เลย แต่ก็คุณก็ต้องชำระให้ตรงเวลาทุกงวด และเพื่อไม่ให้โดนฟาดดอกเบี้ยฟรี ก็น่าจะจ่ายให้หมดในงวดเดียวภายในบิลแรกที่ส่งมา หรือชำระให้หมดไวที่สุดนะคะ
2. เมื่อคุณต้องการสะสมแต้มสำหรับของรางวัล
ออกจะฟังดูเหมือนกำลังตกหลุมพรางทางการค้าที่ล่อให้เราจับจ่ายใช้สอยเพื่อสะสมแต้มเอาของรางวัล แต่หากคุณตั้งใจที่จะไม่ซื้อด้วยเงินสดอยู่แล้ว และมีตัวเลือกอยู่ระหว่างบัตรเดบิตและบัตรเครดิตล่ะก็ ขอแนะนำให้จ่ายด้วยบัตรเครดิตดีกว่า เพราะบัตรเครดิตจะมีการสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัล ของพรีเมี่ยม ส่วนลดพิเศษ หรือได้คืนในรูปแคชแบ็คมากกว่าบัตรเดบิต (ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบัตรเครดิตถึงมีรางวัลล่อใจเยอะขนาดนี้ สถาบันการเงินและธนาคารทั้งหลายได้กำไรจากตลาดบัตรเครดิตดีกว่าเดบิต จึงลุยตลาดส่วนนี้เต็มที่นั่นเอง) แต่อย่าลืมเตือนสติตัวเองไว้เช่นเดิม ว่าควรควรชำระยอดเงินใช้จ่ายให้หมดโดยไว ไม่อย่างนั้นถึงได้ของรางวัลมา แต่ก็ต้องเสียดอกเบี้ยจากการผ่อนชำระให้สถาบันการเงินไปนาน ๆ ก็คงไม่คุ้มกันเท่าไหร่หรอกค่ะ
3. เมื่อคุณเป็นนักเดินทางตัวยง และเดินทางโดยสายการบินเป็นประจำ
สายการบินแทบทุกแห่งมีการให้ผู้ใช้บริการสมัครสมาชิกเพื่อสะสมไมล์การเดินทางไว้แลกรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตั้งแต่ตั๋วบินฟรี สิทธิในการอัพเกรดที่นั่ง ส่วนลดค่าที่พัก-โรงแรมตามที่สายการบินกำหนดไว้ ประกันการเดินทาง โดยไมล์นั้นคุณจะได้จากระยะการเดินทาง ซึ่งสัดส่วนการแลกระยะเดินทางจริงเป็นไมล์สะสมก็จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสายการบินแต่ละแห่ง แต่หากคุณถือบัตรเครดิตที่ผูกกับสายการบินใดสายการบินหนึ่งไว้ล่ะก็ ทุก ๆ ยอดการจับจ่ายจะสามารถโอนไปเป็นไมล์สะสมได้ ทำให้คุณได้รับสิทธิพิเศษจากสายการบินได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ชีวิตท่องเที่ยวก็จะสนุกและประหยัดขึ้นด้วยนะ
4. เมื่อต้องการได้สิทธิในการรับประกันสินค้า
บัตรเครดิตบางเจ้ามีบริการรับประกันสินค้า หากเกิดความบกพร่องหรือเสียหายขึ้นกับสินค้าที่จับจ่ายผ่านบัตรนั้น ก็สามารถคืนสินค้าได้ และได้รับการประกันรับรองราคาอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นใจว่าหากสินค้าที่ซื้อมาไม่ได้คุณภาพหรือเกิดเสียหายขึ้นมา สามารถคืนสินค้าได้โดยไม่ต้องกังวลว่าทางร้านที่ซื้อจะอิดออดไม่ยินดีให้คืนหรือเปลี่ยนใหม่ แต่อย่างไรก็ดี การรับสิทธิในการประกันต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตนั้นกำหนดไว้ ซึ่งคุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ถี่ถ้วนก่อนเสมอ
ควรใช้บัตรเดบิต เมื่อ... 1. เมื่อรู้ตัวว่ามักช้อปเพลินจนจ่ายเกินตัว
ในขณะที่การใช้บัตรเครดิตในการจับจ่าย แล้วสามารถชำระได้ครบตรงตามเวลาที่กำหนด จะเป็นการสร้างประวัติทางการเงินที่น่าเชื่อถือให้กับคุณ หรือเรียกแบบภาษาการเงินว่าคุณเป็นคนเครดิตดี แต่ในทางกลับกัน หากรู้ตัวเองว่าเป็นพวกช้อปเพลินสนุกมือ เห็นอะไรถูกใจก็รูดปรื๊ด ๆ ไปซะทุกอย่าง พอบิลเรียกเก็บเงินค่าบัตรมาถึง กลับไม่มีเงินพอจะจ่ายซะอย่างนั้น แบบนี้แทนที่จะสร้างเครดิตที่ดี กลับเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือทางการเงินของตัวเอง
เพราะฉะนั้นหารู้ตัวว่าเป็นช้อปตัวยง ที่จับจ่ายใช้สอยเพลินมือขนาดนี้ บัตรเดบิตจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับคุณมากกว่า จะช่วยเตือนสติให้ไม่จ่ายออกไปเกินตัวกว่าเงินที่หามาได้ไงล่ะ
2. เมื่อปกติคุณนิยมจับจ่ายสินค้าด้วยเงินสดมากกว่าอยู่แล้ว
หากด้วยวิสัยปกติ คุณนิยมจับจ่ายใช้สอยด้วยเงินจริง ๆ มากกว่าเงินพลาสติกอยู่แล้ว เพราะเห็นเงินลอยออกไปจากกระเป๋าชัด ๆ จึงช่วยให้ระมัดระวังในการใช้เงินได้มากกว่า ถ้าอย่างนั้นบัตรเดบิตจะเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตและช้อปปิ้งของคุณมากกว่าบัตรเครดิตแน่นอน เพราะทุกการจับจ่ายกับบัตรเดบิต มันจะตัดยอดเงินในบัตรลงโดยอัติโนมัติ ไม่ต้องรอลุ้นให้หวาดเสียวเล่นว่าปลายเดือนนี้จะโดนบิลค่าบัตรเท่าไร นอกจากนี้ เมื่อมีเดบิต ก็ไม่ต่างกับมีบัตร ATM เพราะสามารถกดเงินจากตู้ได้เลยโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ต่างจากบัตรเครดิตที่หากนำไปกดเงินสดที่ตู้ คุณจะโดนกินค่าธรรมเนียมไปแน่ ๆ ล่ะ
และนี่ก็เป็นความแตกต่างประการใหญ่ ๆ ระหว่างการจับจ่ายใช้สอยด้วยบัตร เครดิต และ เดบิต ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสักใบที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้มากที่สุด แต่เมื่อลองพิจารณาดูครบถ้วนทุกข้อแล้วก็ยังรู้สึกว่าอยากจะมีไว้ใช้ทั้งสองใบ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใดนะคะ คุณอาจเลือกซื้อของใหญ่ ๆ ราคาสูงด้วยบัตรเครดิต เพื่อรับสิทธิในโปรโมชั่นหรือนำพอยท์ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ต่อ ส่วนบัตรเดบิตมีไว้ใช้ซื้อข้าวของราคาไม่แพงนัก เพื่อความสะดวกสบายกว่าที่ไม่ต้องพกเงินสดมาก ๆ และตราบเท่าที่คุณมีวินัยทางการเงินและบริหารการใช้เงินได้ดี จ่ายครบหมดภายในเวลาที่กำหนดก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้บัตรเครดิตเลย ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าที่จะจับจ่ายซื้ออะไร หากถูกถามว่าจะจ่ายด้วย "เครดิตหรือเดบิตดีคะ ?" คราวนี้คุณก็คงตอบได้อย่างไม่ลังเลแล้ว แถมมีเหตุผลที่ดีรองรับสำหรับการใช้จ่ายในครั้งนั้นอีกต่างหากค่ะ
