เกษตรกรเฮ ! ครม. มีมติยกหนี้ให้เกษตรกร 8,556 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ของ ธ.ก.ส. จำนวน 4,000 ล้านบาท และหนี้กองทุนกระทรวงเกษตรฯ อีก 4,556 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงผลการประชุม ครม. เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกร ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบกับมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกร ด้วยการยกหนี้ให้เกษตรกร รวม 8,556 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- หนี้ที่อยู่ภายใต้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นเงิน 4,000 ล้านบาท
- หนี้ที่อยู่ภายใต้กองทุนกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 9 กองทุน เป็นเงิน 4,556 ล้านบาท
สำหรับแนวทางการดูแลเกษตรกรครั้งนี้ เป็นผลมาจากการสำรวจข้อมูลล่าสุด พบว่า รายได้ของเกษตรกรลดลงครัวเรือนละ 600 บาท ทำให้ประสิทธิภาพในการชำระหนี้สินของเกษตรกรลดลงไปด้วย อีกทั้งยังทำให้เกิดภาระหนี้สินสะสม ซึ่งส่งผลให้ทายาทหรือลูกหลานเกษตรกรต้องเป็นผู้แบกรับภาระหนี้ต่อ รัฐบาลจึงตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลือโดยให้เป็นหนี้สูญ
ด้าน นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีปัญหาหนี้สินของ ธ.ก.ส. จำนวน 818,000 ราย คิดเป็นหนี้สินรวมกว่า 116,000 ล้านบาทนั้น จะมีระยะเวลาในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเป็นเวลา 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ไปสิ้นสุด 31 มีนาคม 2559 และสามารถแบ่งออกเป็น 3 มาตรการ คือ โครงการปลดหนี้สิน เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีศักยภาพ หรือมีเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีปัญหาสุขภาพ จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จำนวน 28,000 ราย คิดเป็นหนี้สินรวม 4,000 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. จะสอบทานลูกหนี้ เพื่อการจัดการหนี้และพิจารณาปลดหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ด้วยการจำหน่ายหนี้เงินกู้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ ตามหลักเกณฑ์การจำหน่ายทรัพย์สินประเภทลูกหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญของ ธ.ก.ส.
ต่อมาเป็นโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพต่ำ ที่ผ่านการประเมินศักยภาพแล้วปรากฏว่า ยังมีความสามารถในการประกอบอาชีพ แต่มีปัญหาในการชำระหนี้จากเหตุสุจริตจำเป็น และเป็นภาระหนัก จำนวน 340,000 ราย คิดเป็นหนี้สินรวม 48,000 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. จะพักชำระหนี้เงินต้นให้เกษตรกรที่มีปัญหาก่อนเวลา 3 ปี ทำให้เกษตรกรที่ได้พักชำระหนี้ไม่ต้องชำระเงินต้นที่กู้ยืม แต่ต้องชำระดอกเบี้ยต่อเนื่อง หากครบกำหนด 3 ปีแล้วให้เกษตรกรชำระเงินต้นตามงวดหรือเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 10 ปี เว้นแต่มีความจำเป็นอาจกำหนดให้ชำระไม่เกิน 15 ปี
ทั้งนี้ เมื่อเกษตรกรลูกค้าชำระหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยได้ตามงวดชำระหนี้ที่กำหนด ธ.ก.ส. จะพิจารณายกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยที่พักไว้ตามศักยภาพของเกษตรกรแต่ละราย หลังจากนั้นจะมีการดำเนินการฟื้นฟูการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรลูกค้าตามโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. จะสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมให้แก่เกษตรกรลูกค้าตามแผนฟื้นฟูการประกอบอาชีพการเกษตรหรืออาชีพอื่นที่เหมาะสม โดยให้เงินกู้ต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท ตามอัตราดอกเบี้ยปกติของ ธ.ก.ส. อีกด้วย
ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
