เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยถึงกรณีที่ กรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น (เจซีเอบี) สั่งห้ามเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) จากไทยบินเข้าญี่ปุ่น เนื่องจากกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น มีหนังสือถึงกรมการบินพลเรือน (บพ.) ระบุว่า ทุกสายการบินของไทยที่จะบินเข้าญี่ปุ่นไม่สามารถขอปรับเพิ่มเที่ยวบิน ปรับเปลี่ยนเส้นทางหรือจุดหมายปลายทาง และขนาดของเครื่องบิน ให้ทำการบินตามสิทธิเดิมที่ได้รับอนุมัติแล้วเท่านั้น
ซึ่งการประกาศดังกล่าวจะส่งผลให้การบินไทย, นกสกู๊ต, ไทยแอร์เอเชีย และสายการบินอื่น ๆ ต้องชะลอแผนการเพิ่มเที่ยวบินไปญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งส่งกระทบต่อแผนการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งล่าสุด นายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดี บพ. พร้อมด้วยตัวแทนสายการบินไทย สายการบินนกแอร์ ได้ไปชี้แจงกับเจซีเอบี เพื่อยืนยันในมาตรฐานของสายการบินของไทย จากนั้นจะไปชี้แจงกับเกาหลีใต้ เยอรมนี จีน และประเทศที่มีเส้นทางบินหลักของไทยต่อไป
โดย พล.อ.อ. ประจิน เผยว่า ญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ได้ขอให้ไทยส่งรายงานแผนความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาตามข้อสังเกตของไอเคโอ โดยเฉพาะแผนการดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่อง (Corrective Action Plan) เช่น สินค้าอันตราย และการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ให้ทราบเป็นระยะ เพื่อให้ทางญี่ปุ่นได้นำมาประกอบการพิจารณาด้วย ขณะที่ช่วงนี้เป็นช่วงซัมเมอร์ ทำให้ผู้โดยสารต้องการเดินทางไปญี่ปุ่นจำนวนมาก ส่งผลให้สายการบินต่าง ๆ ขอเพิ่มเที่ยวบินไปญี่ปุ่นมากขึ้น
นอกจากนี้ยังแสดงความรู้สึกผิดหวังกับญี่ปุ่นและไอเคโอมาก เพราะปกติการตอบรับของประเทศสมาชิกจะต้องดำเนินการหลังจาก 90 วันเมื่อครบกำหนดที่ บพ.ของไทยเสนอแผนแล้วไม่ผ่าน แต่ญี่ปุ่นมีปฏิกิริยาตอบรับเรื่องนี้เร็วมาก ทั้งที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม และ บพ.พยายามแก้ไขข้อบกพร่องอย่างชัดเจน โดยในสัปดาห์หน้าจะนัดประชุมเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
ด้าน นายสมชาย เผยว่า บพ. ได้รับจดหมายจากเจซีเอบี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งในจดหมายดังกล่าวระบุว่ารับทราบผลการตรวจสอบจากไอเคโอ ที่ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยเกี่ยวกับกระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ ทางเจซีเอบีจึงไม่อนุมัติให้ขยายหรือเปลี่ยนบริการขนส่งทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มท่าอากาศยานหรือเปลี่ยนเครื่องบินที่จะบินไปยังญี่ปุ่น และจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบลานจอดอากาศยาน (Ramp service) มากขึ้นด้วย แต่ก็จะไม่กระทบกับสายการบินที่ให้บริการแบบประจำที่ยังบินได้ตามปกติ
ภาพจาก lidiaalinaartstuff.blogspot
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก