เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำยางค้างสต็อก อีกทั้งยังแทรกแซงราคายางรับซื้อ 108 ต่อกิโลกรัม หากขายตอนนี้ 80 ต่อกิโลกรัม ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 1.4 พันล้านบาทแน่
วันนี้ (28 มกราคม 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวถึง ปัญหาในสัญญาการขายยางสต็อก 2.1 แสนตันให้กับประเทศจีน ที่อาจทำให้รัฐบาลไทยเสียเปรียบและขาดทุนจำนวนมาก เนื่องจากราคายางรับซื้อในตอนนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะการระบายยางออกนอกประเทศนั้นล่าช้า และหากประเทศจีนไม่ต้องการรับยางที่ไม่มีคุณภาพ ก็ได้เตรียมพร้อมที่จำกัดกับยางดังกล่าว ส่วนยางที่มีคุณภาพจะต้องเร่งขาย ไม่อย่างนั้นจะเป็นปัญหากับราคายางในประเทศ
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่า ผู้ดำเนินการทำสัญญาในการซื้อขายยางในส่วนของไทยคือ องค์การสวนยาง โดยผู้ลงนามในสัญญาขณะนั้นคือ นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการองค์การสวนยาง ส่วนในเรื่องของรายละเอียดสัญญา มีคณะกรรมการดูแลโดยนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมวิชาการการเกษตร เป็นประธานและผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกด้วย
ทั้งนี้ในส่วนสัญญา ที่มีหนังสือแนบท้าย ผนวก 2 โดยกำหนดราคาที่มีความแตกต่างกันกับหน้าสัญญาที่ให้ยึด ราคา ณ วันที่ลงนามในหนังสือแสดงเจตนาในการซื้อขาย วันที่ 13 ตุลาคม 2557 คือ 50.95 บาท เป็นการตกลงในการซื้อขายและใช้เป็นเกณฑ์ราคาสำหรับยางที่มีคุณภาพต่ำ โดยจากการตรวจสอบคุณภาพยางนั้นเป็นยางคุณภาพดีประมาณ 30% ของยางทั้งหมด โดยซื้อขายที่ 63.56 บาทต่อกิโลกกรัม ซึ่งในขณะนี้ขายไปแล้ว 377 ตัน ส่วนยางคุณภาพต่ำมีประมาณ 70% จึงได้ทำการตกลงปรับลดราคาตามกรอบเท่านั้น หากไม่ทำตามสัญญาและไม่รับมอบยางจะดำเนินการปรับบริษัทของประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเปิดเผยว่า ยางในสต็อกจำนวน 2.1 แสนตัน ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่นั้น ตกค้างมาจากสมัยรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยในช่วงนั้นมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และต่อเนื่องมาจนถึงสมัย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ทั้งนี้หากว่าต้องขายยางพาราให้กับประเทศจีนในราคาดังกล่าว จะทำให้โครงการนี้ขาดทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1.4 พันล้านบาทเลยทีเดียว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
