เกษตรฯ ชงนโยบายปรับโครงสร้างราคาข้าว-ยางพารา (แฟ้มภาพ)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก inn
กระทรวงเกษตรฯ ชงนโยบายปรับโครงสร้างราคาข้าวและยางพารา หลังมีปัญหาผลิตสินค้าเกินความต้องการของตลาด มุ่งชักจูงเกษตรเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าว-ยาง ที่ไม่เหมาะสม ไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทน
วันที่ 30 กันยายน 2557 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะมีการพิจารณาและแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายการปรับโครงสร้างราคาสินค้าที่มีปัญหา คือ ยางพาราและข้าว โดยมีต้นเหตุของปัญหาคือผลผลิตเกินความต้องการของตลาด อีกทั้งยังมีสินค้าอยู่ในสต๊อก ดังนั้นจึงต้องแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบ กับราคาของสินค้าทั้ง 2 ชนิด โดยข้าวจะทยอยออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนยางพาราจะทยอยออกสู่ตลาดอีกครั้งตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ในส่วนของข้าว ไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 70 ล้านไร่ โดยจากการสำรวจพบว่ามีพื้นที่ไม่เหมาะสมเลย 11 ล้านไร่ ดังนั้นกระทรวงเกษตรฯ มีเป้าหมายจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ 11 ล้านไร่ จูงใจให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นที่มีราคาดีและตลาดยังต้องการ คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน และมันสำปะหลัง แทน
และส่วนของยางพารา พบว่า ไทยมีพื้นที่ไม่เหมาะสมอยู่รวม 2 ล้านไร่ในเขตภาคอีสาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องปรับเปลี่ยนให้ปลูกพืชชนิดอื่นแทน อีกทั้งยังมีพื้นที่ยางเก่าที่ต้องโค่นเพื่อปลูกใหม่ทดแทน ตามเป้าหมายจะต้องทำให้ได้ 4 แสนไร่ ในจำนวนนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนให้ปลูกปาล์มน้ำมันด้วย
ด้าน นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างภาคการเกษตรในส่วนของข้าว จะใช้วิธีการตามความสมัครใจ โดยที่รัฐบาลต้องอุดหนุนงบประมาณแบบจ่ายขาด โดยมี 3 แนวทางดังนี้
1. สนับสนุนให้เปลี่ยนอาชีพไปทำการเกษตรชนิดอื่นที่เหมาะสมกว่า
2. สนับสนุนทำเกษตร ผสมผสาน ยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง
3. ปรับปรุงคุณภาพสินค้าเกษตร
ในส่วนของยางพารา จะต้องโค่นยางเก่าอย่างจริงจัง 4 แสนไร่ เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการปล่อยกู้ให้กับสถาบันเกษตรกร กู้เงิน 1.5 หมื่นล้านบาทเพื่อรับซื้อยาง และแปรรูป รวมทั้งให้ปล่อยกู้กับภาคเอกชนเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องมืออุปกรณ์แปรรูปผลิตภัณฑ์ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะอุดหนุนดอกเบี้ยต่ำ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก