กรณ์ หนุนรัฐ เปิดทางให้เอกชนทั่วโลกเข้ามาสร้างธุรกิจ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Korn Chatikavanij
กรณ์ จาติกวณิช โพสต์เฟซบุ๊ก เห็นด้วยที่รัฐจะส่งเสริมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แนะเปิดทางให้เอกชนจากทั่วโลกเข้ามาสร้างธุรกิจที่ประเทศไทย แต่อย่าสร้างเงื่อนไขมากเกินไป
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2557 นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Korn Chatikavanij ถึงกรณีที่บริษัท Alibaba บริษัทอินเทอร์เน็ตของจีนเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก และเป็นการขายหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ Wall Street ทำให้ แจ๊ค หม่า กลายเป็นเศรษฐีคนใหม่ โดยเทียบเคียงกับประเทศไทยว่า ตนเห็นด้วยที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีแนวคิดจะส่งเสริมอี-คอมเมิร์ซ โดยเปิดทางให้เอกชนจากทั่วโลกเข้ามาสร้างธุรกิจที่ประเทศไทย และต้องไม่สร้างเงื่อนไขมากเกินไป
ดังข้อความต่อไปนี้
"เศรษฐีใหม่
The New Value Creators
เมื่อวานนี้บริษัทอินเตอร์เน็ตจีน Alibaba เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กและเป็นการขายหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ Wall Street ผู้ก่อตั้งที่ชื่อ Jack Ma กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับต้น ๆ ของโลกทันที จากที่ได้ริเริ่มกิจการนี้ในห้องพักตัวเองเมื่อ ๑๕ ปีที่แล้วนี่เอง
ผมมั่นใจว่าในอีกไม่ถึง ๑๕ ปีก็จะมีผู้ประสพความสำเร็จเช่นนี้อีก และจะมีอีกหลายคนด้วย และเป็นไปได้ที่หนึ่งในผู้นั้นจะมาจากประเทศไทยเราเอง
ผมลองไปสำรวจอนาคตในงานชื่อว่า Echelon 2014 ซึ่งเป็นงานที่ผู้ริเริ่มกิจการที่เป็น e-commerce มาเสนอตัวให้กับเหล่านักลงทุนเฉพาะทางที่มาคอยสอดส่อง (เผื่อว่าจะเจออะไรแบบ facebook, google หรือแม้แต่ alibaba ตัวใหม่)
เป็นเหมือนกับ trade fair ที่มีสินค้าเป็นบริษัทเกิดใหม่ที่ต้องการทุนหรือต้องการโอกาสมาเปิดตัว
ในสมัยที่ผมอยู่ในวงการหุ้น เราจะมีงานลักษณะคล้าย ๆ อย่างนี้ที่เราเรียกว่า Investor Conference ซึ่งล่าสุดพึ่งจัดไปโดยมีตลาดหลักทรัพย์เป็นเจ้าภาพ ในงานก็จะมีพวกบริษัทอย่างเช่น ปตท. และธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ มาเสนอผมประกอบการให้กับนักลงทุน
ความคล้ายกับงานของตลาดหลักทรัพย์คือมีการนำเสนอโดยผู้ประกอบการ มีนิทรรศการ มีองค์ปาฐกเป็น key note มีผู้มาร่วมจากหลากหลายประเทศ และภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ
แต่ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงคือบรรยากาศและการบริหารจัดการ งานนี้เป็นงานเอกชนล้วน ๆ ไม่มีนายพลมาเปิดงาน ไม่มีใครใส่สูตร ไม่มีอารัมภบท (ความจริงมีนิดนึงโดยอาจารย์ศศินทร์ในฐานะเจ้าของสถานที่ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน ๕ นาที) จะมีเสียงเชียร์ผู้ขึ้นเวทีเหมือนบาร์เบียร์อเมริกัน และที่สำคัญคือนอกจากจะมีการจำกัดเวลาผู้พูดไว้คนละประมาณ ๑๐ นาทีแล้ว ยังมีการกำหนดให้อยู่ในกรอบเวลาอย่างเคร่งครัดโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ดังนั้นทุกคนที่พูดต้องเตรียมตัวมาอย่างดี พูดให้กระชับและครบถ้วนได้ใจความ
ที่น่าปลื้มคืองานสำคัญของเอเชียงานนี้ไม่ได้จัดที่ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ หรือสิงค์โปร์ แต่งานนี้จัดที่กรุงเทพฯ นี่เอง
รัฐบาลคุณประยุทธบอกว่าจะส่งเสริม e-commerce ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเห็นด้วยที่สุดครับ และจากที่ผมได้เห็นวันนั้น ผมว่าวิธีที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะช่วยได้คือช่วยเปิดทางให้เอกชนจากทั่วโลกเขามาสร้างธุรกิจของเขาที่นี่ ที่สำคัญคือรัฐอย่าสร้างเงื่อนไขมาก และอย่าแม้แต่คิดที่จะลงมือทำธุรกิจเอง ไม่มีทางสู้เด็กพวกนี้ได้ครับ
เด็กรุ่นนี้เขาอาจจะริเริ่มกิจการของเขาที่เมืองไทยก็จริง แต่ทุกคนถูกฝึกมาให้คิดเผื่อไว้แต่แรกว่าจะขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างไรโดยเร็ว
ส่วนใครจะเป็นแบบ Jack Ma ใน ๑๐ ปีข้างหน้า ผมยังไม่แน่ใจ แต่ที่มั่นใจคือเรามีอนาคตที่จะไปได้อีกไกลแน่นอน"