รู้จักกับภาษีมรดก ใครบ้างที่ต้องเสียภาษี ได้มรดกเท่าไหร่ถึงถูกเรียกเก็บ มาทำความเข้าใจกันให้ชัด ๆ

อ่านเพิ่มเติม : 6 วิธี ขอคืนภาษี 2563 แบบได้รับเงินเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนาน
ภาษีมรดก คืออะไร
สำหรับการจัดเก็บภาษีมรดก ก็เพื่อต้องการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำเรื่องความมั่งคั่งในสังคมสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป ผ่านการกระจายภาระภาษีไปยังกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวย โดยไม่ให้กระทบต่อกลุ่มที่ยากจน และฐานะปานกลาง
มรดกอะไรบ้าง ที่ต้องเสียภาษี
ทรัพย์สินที่จะต้องเสียภาษี หากมีการรับมรดก จะมีด้วยกัน 5 ประเภท ดังนี้
1. อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทั้งที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และต่างประเทศ
2. หลักทรัพย์ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ หุ้น หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ตราสารหนี้ และตราสารอนุพันธ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะออกโดยนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือในต่างประเทศ
3. เงินฝาก หรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ
4. ยานพาหนะ ที่มีหลักฐานทางทะเบียน ได้แก่ รถยนต์ เรือ รถจักรยานยนต์ ทั้งที่จดทะเบียนในประเทศไทยและต่างประเทศ
5. ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นตามกฎหมายในอนาคต

ใครบ้างต้องเสียภาษีมรดก จ่ายกี่เปอร์เซ็นต์
ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษี นั่นก็คือผู้ที่ได้รับมรดกนั่นเอง ทั้งกรณีที่เป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม หากเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งตามนี้
1. บุคคลที่มีสัญชาติไทย
2. บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีถิ่นอาศัยอยู่ในไทยตามกฎหมาย
3. บุคคลที่ได้รับมรดก อันเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในไทย

สำหรับอัตราภาษีมรดกที่ต้องเสียจะคิดเฉพาะมูลค่ามรดกส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ตามอัตรา ดังนี้
- บุพการี ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ทวด
- ผู้สืบสันดาน ได้แก่ ลูก หลาน เหลน ลื่อ บุตรบุญธรรม บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว
2. เสียภาษีมรดก 10% สำหรับคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บุพการีและผู้สืบสันดาน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าผู้ที่ได้รับมรดกจะต้องเสียภาษีทุกกรณี แต่ก็มีข้อยกเว้นกรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดกด้วย ได้แก่
1. ได้รับมรดกมูลค่ารวมกันไม่เกิน 100 ล้านบาท
2. เป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายกับเจ้าของมรดก
3. ได้รับมรดกจากเจ้าของมรดกที่เสียชีวิตก่อนวันที่กฎหมายบังคับใช้ (ภาษีมรดก บังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559)
4. นำมรดกไปใช้เพื่อกิจการศาสนา กิจการศึกษา สาธารณประโยชน์
5. ผู้รับมรดกเป็นหน่วยงานของรัฐ และนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อกิจการศาสนา กิจการศึกษาหรือกิจการสาธารณประโยชน์
6. ผู้รับมรดกเป็นองค์กรระหว่างประเทศตามข้อผูกพันที่ไทยมีอยู่
วิธีคำนวณภาษีมรดก
1. บุพการีและผู้สืบสันดาน : เสียภาษีมรดก 5% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท
ตัวอย่างเช่น
ได้รับมรดก 101 ล้านบาท ส่วนที่ต้องนำมาคำนวณภาษีคือ 1 ล้านบาท ดังนั้น ต้องจ่ายภาษี 50,000 บาท (5% x 1 ล้าน) ได้รับมรดก 110 ล้านบาท ต้องจ่ายภาษี 500,000 บาท (5% x 10 ล้าน)
ได้รับมรดก 150 ล้านบาท ต้องจ่ายภาษี 2.5 ล้านบาท (5% x 50 ล้าน)
ได้รับมรดก 200 ล้านบาท ต้องจ่ายภาษี 5 ล้านบาท (5% x 100 ล้าน)
2. บุคคลอื่น ๆ : เสียภาษีมรดก 10% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท
ตัวอย่างเช่น
ได้รับมรดก 101 ล้านบาท ส่วนที่ต้องนำมาคำนวณภาษีคือ 1 ล้านบาท ดังนั้น ต้องจ่ายภาษี 100,000 บาท (10% x 1 ล้าน) ได้รับมรดก 110 ล้านบาท ต้องจ่ายภาษี 1 ล้านบาท (10% x 10 ล้าน)
ได้รับมรดก 150 ล้านบาท ต้องจ่ายภาษี 5 ล้านบาท (10% x 50 ล้าน)
ได้รับมรดก 200 ล้านบาท ต้องจ่ายภาษี 10 ล้านบาท (10% x 100 ล้าน)
วิธียื่นเสียภาษีมรดก
ผู้ที่ได้รับมรดกเกิน 100 ล้านบาท ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดก (ภ.ม.60) และชำระภาษีภายใน 150 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับมรดก โดยให้พิมพ์จากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร และสามารถยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
บทลงโทษ ถ้าไม่เสียภาษีมรดก
กรณีที่ไม่ยื่นเสียภาษีมรดก หรือยื่นล่าช้ากว่าวันที่กำหนด จะมีทั้งเบี้ยปรับและโทษทางอาญา ดังนี้

1. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีภายหลังเวลาที่กำหนด : เสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของเงินภาษีที่ต้องจ่าย พร้อมทั้งจ่ายเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน โดยเงินเพิ่มให้เริ่มนับตั้งแต่วันพ้นเวลายื่นภาษี
2. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องชำระขาดไป : เสียเบี้ยปรับ 0.50 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ
3. ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี โดยไม่มีเหตุอันสมควร : โทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท
4. ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน หรือไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนักงานประเมิน หรือของประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ : โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. ทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนทรัพย์สินที่ถูกยึด หรืออายัด ให้แก่บุคคลอื่น : โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 400,000 บาท
6. จงใจยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี : โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีการให้

นอกจากภาษีมรดกแล้ว ยังมีภาษีอีกตัวหนึ่งที่จะเก็บกับผู้รับมรดก นั่นคือ "ภาษีการให้" แต่จะต่างกันตรงที่ภาษีการให้จะเก็บในกรณีที่ผู้ตายโอนทรัพย์สินให้ผู้รับก่อนเสียชีวิต โดยเก็บภาษีในอัตรา 5% สำหรับส่วนเกินของทรัพย์สิน ดังนี้
มอบให้บุคคลธรรมดา เสียภาษี 5% สำหรับทรัพย์สินส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท
มอบให้เป็นบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส เสียภาษี 5% สำหรับทรัพย์สินส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท
2. อสังหาริมทรัพย์
เฉพาะการมอบให้บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม) เสียภาษี 5% สำหรับทรัพย์สินส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท
สำหรับการยื่นภาษีการให้ สามารถใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 ยื่นได้เลย เพราะถือว่าเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 โดยเลือกได้ว่าจะเสียภาษีในอัตรา 5% หรือจะนำไปคำนวณรวมกับเงินได้ทั้งหมดก็ได้

วางแผนภาษีมรดก อย่างไรดี

1. ทยอยโอนทรัพย์สินในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่
2. กระจายทรัพย์สินให้ลูกหลานคนละไม่เกิน 100 ล้านบาท
3. แปลงเป็นทรัพย์สินที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก
4. ซื้อประกันชีวิต
5. จัดตั้งเป็นมูลนิธิ สมาคม หรือวิสาหกิจเพื่อชุมชน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก