สำหรับคนที่มีเงินเย็นและยังไม่จำเป็นต้องใช้ในเร็ว ๆ นี้ การนำไปลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งหลายคนอาจตัดสินใจนำเงินไปจองซื้อหุ้นกู้ ที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากทั่วไป อย่างในเดือนตุลาคม 2566 ก็มีหุ้นกู้เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองอยู่หลายรุ่น ลองมาเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละชุดกัน
หุ้นกู้คืออะไร ซื้อยังไง ?
หุ้นกู้ (Corporate Bond หรือ Debenture) เป็นตราสารหนี้ที่บริษัทเอกชนเปิดขายเพื่อระดมทุนนำไปใช้ในกิจการต่าง ๆ ของบริษัท เช่น ลงทุนขยายกิจการ ซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ หรือนำไปชำระหุ้นกู้รุ่นเดิมที่ใกล้ครบกำหนด โดยบริษัทจะจ่ายดอกเบี้ยให้ตามที่ตกลงไว้ตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ และชำระเงินต้นคืนในวันที่ครบกำหนดอายุของหุ้นกู้
สำหรับหุ้นกู้ของประเทศไทยนั้นจะมีมูลค่าหน่วยละ 1,000 บาท และส่วนใหญ่จะกำหนดให้ลงทุนขั้นต่ำ 100 หน่วย หรือ 100,000 บาท ยกเว้นบางรุ่นที่อาจจะให้ซื้อได้ตั้งแต่ 1,000 บาท ไปจนถึง 1,000,000 บาท โดยติดต่อซื้อได้ที่ธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายตามประกาศของหุ้นกู้แต่ละบริษัท
หุ้นกู้มีกี่ประเภท ?
หุ้นกู้จะมีอยู่หลายลักษณะ ได้แก่
-
หุ้นกู้ชนิดมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หมายถึง หุ้นกู้ที่มีสินทรัพย์ต่าง ๆ ค้ำประกันอยู่ ถ้าเกิดปัญหาที่บริษัทไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินต้นให้เราได้ เราจะมีสิทธิ์ในหลักประกันนั้น
-
หุ้นกู้ชนิดที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คือ หุ้นกู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ใด ๆ วางไว้ กรณีบริษัทที่ออกหุ้นกู้ประสบปัญหาทางการเงินจะต้องแบ่งสินทรัพย์กับเจ้าหนี้รายอื่นตามสิทธิ์และสัดส่วนที่ถือ
-
หุ้นกู้ด้อยสิทธิ คือ ในกรณีที่ผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลายหรือเลิกกิจการ ผู้ที่ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะมีสิทธิ์ได้รับคืนเงินต้นหลังจากผู้ถือหุ้นที่มีประกัน กล่าวว่าอยู่ในอันดับที่ด้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญรายอื่น ๆ
-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ คือ ในกรณีที่ผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลายหรือเลิกกิจการ ผู้ที่ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิจะมีสิทธิ์ได้รับคืนเงินต้นในอันดับที่ทัดเทียมกับเจ้าหนี้สามัญรายอื่น ๆ และสูงกว่าผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
โดยหากจัดอันดับสิทธิ์ในการเรียกร้องสินทรัพย์ หรือการได้รับคืนเงินต้นจากผู้ออกตราสารเมื่อกิจการล้มละลาย จะเป็นดังนี้
- ลำดับที่ 1 หุ้นกู้มีประกัน
- ลำดับที่ 2 หุ้นกู้ไม่มีประกัน
- ลำดับที่ 3 หุ้นกู้ด้อยสิทธิ
- ลำดับที่ 4 หุ้นบุริมสิทธิ
- ลำดับที่ 5 หุ้นสามัญ
ต้องพิจารณาอะไรบ้าง
เมื่อจะลงทุนหุ้นกู้
บริษัทน่าเชื่อถือหรือไม่
การซื้อหุ้นกู้คือการให้บริษัทกู้ยืมเงิน ดังนั้นจึงควรดูให้แน่ใจก่อนว่าบริษัทมีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน ฐานะการเงินเป็นอย่างไร จะมีเงินจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนให้เราได้หรือไม่ โดยสามารถพิจารณาได้จากอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ที่จัดทำโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB- ขึ้นไปจนถึง AAA จัดเป็นหุ้นกู้ที่อยู่ในระดับน่าลงทุน (Investment Grade) เพราะออกโดยบริษัทที่มั่นคง ผลประกอบการดี มีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินต้นคืนค่อนข้างต่ำ
แต่หากเป็นหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งตั้งแต่ BB+ ลงมา จนถึง D จะเป็นหุ้นกู้ในกลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน (Non-Investment Grade) นอกจากนี้ที่ต้องระวังในการลงทุนคือ หุ้นกู้ในกลุ่มไม่มีเรตติ้ง (Unrated) ที่แม้จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้เงินลงทุนคืนกลับมาสูงตามไปด้วย
อายุของหุ้นกู้นานแค่ไหน
ผลตอบแทน/ดอกเบี้ยเป็นเท่าไร
หุ้นกู้จะจ่ายดอกเบี้ยอยู่ 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ แบบกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ตายตัวตลอดระยะเวลาของหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้อายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี กับแบบกำหนดเป็นขั้นบันได ซึ่งปกติจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น เช่น หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 เท่ากับ 2% ต่อปี ปีที่ 3-5 เท่ากับ 4% ต่อปี และปีที่ 6 เป็นต้นไป เท่ากับ 5% ต่อปี
ทั้งนี้ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเภทของหุ้นกู้ อายุของหุ้นกู้ ความเสี่ยงของบริษัทผู้ออกหุ้นส่วน นอกจากนี้ดอกเบี้ยที่ได้รับทุกครั้งจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ด้วย
ใครมีสิทธิ์จองซื้อ
บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะเสนอขายหุ้นกู้ตามกลุ่มนักลงทุน ดังนั้นก่อนซื้อต้องศึกษาให้ดีว่าเรามีสิทธิ์ซื้อหรือไม่ โดยแบ่งกลุ่มผู้ลงทุนออกเป็น 4 ประเภท คือ
1. ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP10) คือ การขายตราสารหนี้ให้กับผู้ลงทุนไม่เกิน 10 ฉบับ หรือ 10 ราย ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องเป็นผู้ลงทุนสถาบัน กรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถือหุ้นเกิน 10% และบริษัทในเครือเท่านั้น
2. ผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional Investor : II) เช่น ธนาคาร บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน บริษัทประกัน
3. ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth : HNW) คือ บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่มีสินทรัพย์ รายได้ต่อปี หรือลงทุนในหลักทรัพย์ตามที่กำหนด โดยกรณีเป็นบุคคลธรรมดา (รวมคู่สมรสตามกฎหมาย) จะใช้เกณฑ์ดังนี้ (เข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง)
-
มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป หรือ
-
มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตั้งแต่ 8 ล้านบาทขึ้นไป ถ้ารวมเงินฝากจะเป็น 15 ล้านบาทขึ้นไป หรือ
-
มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป ไม่รวมที่อยู่พักอาศัยประจำ
แต่ในกรณีที่มีฐานะทางการเงินไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด จะพิจารณาคุณสมบัติด้านความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนเพิ่มเติม โดยหากเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ก็สามารถเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ได้
-
มีประสบการณ์การลงทุนย้อนหลังในสินทรัพย์เสี่ยงที่ต้องมีการลงทุนเป็นประจำและต่อเนื่อง หรือ
-
มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงินและการลงทุน หรือ
-
เป็นผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้วางแผนการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. หรือ
-
ได้รับวุฒิบัตรที่เกี่ยวกับการลงทุน
4. ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering : PO) คือ ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อหุ้นกู้ได้
หุ้นกู้ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง
ความเสี่ยงของหุ้นกู้หลัก ๆ นั้นจะมีอยู่ 3 ด้าน คือ
-
ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย : ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยทั่วไปลดลง หุ้นกู้จะมีมูลค่าสูงขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หุ้นกู้ก็จะมีมูลค่าลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดสูงขึ้น ทำให้ราคาที่ขายได้อาจมากหรือน้อยกว่าราคาที่ซื้อมา ขึ้นอยู่กับระดับและทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ตรงนี้อาจมีค่าเสียโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
-
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง : หากลงทุนในระยะยาวมาก ๆ แล้วประสบปัญหาจำเป็นต้องใช้เงินก้อนก่อนหุ้นกู้ครบอายุ ทำให้ต้องนำไปขายที่ตลาดรอง ซึ่งมีราคาลดลงหรืออาจขาดทุนได้
-
ความเสี่ยงด้านเครดิต : การลงทุนหุ้นกู้กับบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำจะมีความเสี่ยงสูง เช่น บริษัทเลิกกิจการหรือล้มละลาย จนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามที่สัญญา แต่ก็จะมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นกู้ของบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า
นอกจากนี้ หากผู้ออกหุ้นกู้ประสบปัญหาทางการเงิน อาจจะไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือคืนเงินต้นให้เราได้ เท่ากับผิดนัดชำระหนี้ (Default) ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อไป
หุ้นกู้ออกใหม่ เดือนตุลาคม 2566
สำหรับหุ้นกู้ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไป (PO) สามารถจองซื้อได้ในเดือนตุลาคม 2566 มีดังนี้
1. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC)
บริษัทธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง เสนอขายหุ้นกู้ 1 ชุด ดังนี้
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุ : 3 ปี 11 เดือน
-
อัตราดอกเบี้ย : คงที่ 3.35% ต่อปี
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : A+
-
ระดับความเสี่ยง : 3 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
ครบกำหนดไถ่ถอน : พ.ศ. 2570
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ผู้ลงทุนประชาชนเป็นการทั่วไป
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ :
-
ผู้ถือหุ้นกู้ SCC23NA : จองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท
-
ผู้ถือหุ้นกู้ปัจจุบัน : จองซื้อขั้นต่ำ 1,000,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
ประชาชนทั่วไป : จองซื้อขั้นต่ำ 1,000,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
-
วันที่เปิดจอง :
-
ผู้ถือหุ้นกู้ SCC23NA : จองวันที่ 2-6 ตุลาคม 2566
-
ผู้ถือหุ้นกู้ปัจจุบัน : จองวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566
-
ประชาชนทั่วไป : จองวันที่ 30-31 ตุลาคม 2566
-
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงไทย
-
ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
2. บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)
บริษัทประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่า และให้บริการด้านที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุ : 1 ปี
-
อัตราดอกเบี้ย : 4.50% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2567
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มลบ
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 3-5 ตุลาคม 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย
-
ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
3. บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SHR)
บริษัที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติ เสนอขายหุ้นกู้ 1 ชุด คือ
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุ : 3 ปี
-
อัตราดอกเบี้ย : 5.00% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป (โดยให้บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนสถาบันจองซื้อในฐานะผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น)
-
วันที่เปิดจอง : 16-18 ตุลาคม 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร
-
ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
4. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)
บริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ ภายใต้ชื่อ 7-Eleven ในประเทศไทย เสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุด ในเดือนตุลาคม 2566 ดังนี้
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2568
-
อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2573
-
อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.20% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2576
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 6 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : A+ แนวโน้มบวก
-
ระดับความเสี่ยง : 3 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง :
-
ผู้ลงทุนทั่วไปที่ถือหุ้นกู้ CPALL230A : จองวันที่ 9-11 ตุลาคม 2566
-
ประชาชนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน : จองวันที่ 26-27 และ 30 ตุลาคม 2566
-
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
5. บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC)
เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจประเภทสินเชื่อมาตั้งแต่ปี 2535 โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อประเภทอื่น ได้แก่ สินเชื่อรถยนต์ทุกประเภท สินเชื่อรถเพื่อการเกษตร สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อโฉนดที่ดิน รวมทั้งรับทำ พ.ร.บ. เสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุด ดังนี้
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
อายุ 2 ปี 10 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2568
-
อายุ 3 ปี 9 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.90% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน (บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนสถาบันจองซื้อในฐานะผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น)
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 19-20 และ 24 ตุลาคม 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ, บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
6. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTSG)
กลุ่มบริษัทบีทีเอสดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ผู้ให้บริการการคมนาคม (MOVE) ผู้ให้บริการด้านสื่อโฆษณาและแพลตฟอร์มทางการตลาด (MIX) และลงทุนและร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในการสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน (MATCH) ออกหุ้นกู้ 4 ชุด ในเดือนตุลาคม 2566 ดังนี้
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2568
-
อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.40% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2571
-
อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2576
-
อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2578
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 6 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : A- แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 3 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : คาดว่า 30 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
7. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP)
บริษัทพลังงานที่ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ธุรกิจจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันบางจากและการค้าน้ำมัน ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าสีเขียว ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ดิจิทัลระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุ : 3 ปี
-
อัตราดอกเบี้ย : 3.45% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 6 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : A แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 3 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 10,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 10,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 30 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2566
-
ช่องทางการขาย : แอปฯ เป๋าตัง ธนาคารกรุงไทย
-
ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, ธนาคารกรุงไทย
บทความที่เกี่ยวข้องกับหุ้นกู้
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (1), (2), (3), (4), (5), เฟซบุ๊ก CPALL, ธนาคารกรุงไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (1), (2), (3), (4), (5), (6), (7),Youtube ThaiBMAChannel