หิ้วของเข้าไทย เสียภาษีเท่าไหร่ แบบไหนไม่ต้องจ่ายภาษี ขาช้อปควรรู้ !

          หิ้วของจากต่างประเทศเข้าไทยต้องเสียภาษีเท่าไร ขาช้อปคนไหนที่ยังข้องใจ ลองมาอ่านกันดู พร้อมสูตรคำนวณภาษีเมื่อซื้อของจากต่างประเทศ
          บ่อยครั้งที่ได้ยินข่าวคนถือกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้า นาฬิกา ฯลฯ เดินทางเข้าประเทศไทย และถูกเรียกเก็บภาษีเป็นมูลค่าสูง แม้จะเป็นของใช้ส่วนตัวก็ตาม ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า ของใช้แบบไหนที่หิ้วเข้ามาจากต่างประเทศแล้วต้องเสียภาษีหรือไม่ต้องเสียภาษีบ้าง และมีวิธีคิดภาษีอย่างไร วันนี้เราเลยรวบรวมข้อมูลมาอธิบายให้เคลียร์กันชัด ๆ  
หิ้วของจากต่างประเทศเข้าไทย แบบไหนไม่ต้องเสียภาษี
หิ้วของจากต่างประเทศ

          ข้อมูลจากกรมศุลกากร ระบุว่า สิ่งของต่อไปนี้ไม่ต้องสำแดง หากนำเข้ามาก็สามารถเดินเข้าช่องเขียว (Nothing to declare) ได้เลย ประกอบด้วย
 

  • ของใช้ส่วนตัวที่มีปริมาณพอสมควรสำหรับใช้ส่วนตัว หรือใช้ในวิชาชีพ มูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท และไม่เป็นของต้องห้าม ของต้องกำกัด (ของที่ต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า) เสบียงอาหาร และต้องเป็นของที่ไม่มีลักษณะทางการค้า เช่น ถ้าซื้อกระเป๋า 1 ใบที่มีราคาไม่เกิน 20,000 บาทมาใช้เอง แบบนี้ไม่ต้องสำแดง แต่ถ้าหากซื้อกระเป๋ามา 10 ใบ แม้จะมีราคาไม่เกิน 20,000 บาท ก็อาจเข้าข่ายเป็นการค้า จึงต้องเสียภาษี
     
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาตรไม่เกิน 1 ลิตร
     
  • บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน หรือซิการ์-ยาสูบไม่เกิน 250 กรัม หรือน้ำหนักรวมทั้งหมดทุกประเภทไม่เกิน 250 กรัม (แต่ทั้งนี้บุหรี่ต้องไม่เกิน 200 มวน)
อย่างไรก็ตาม หากมีบุหรี่ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกินปริมาณที่กำหนด แนะนำให้หย่อนใส่กล่องที่กรมศุลกากรจัดไว้ ตัดปัญหาถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
หิ้วของเข้าไทยแบบไหน ต้องเสียภาษี

        สำหรับของติดตัวที่เมื่อนำเข้ามาในประเทศไทยแล้วต้องสำแดง (เข้าช่องแดง) เพื่อเสียภาษีอากร ประกอบด้วย

  • ของใช้ส่วนตัวที่มีมูลค่ารวมทั้งหมดเกิน 20,000 บาท ไม่ว่าจะใช้เองหรือไม่ได้ใช้เอง (สิ่งของที่นำไปจากประเทศไทยจะไม่ถูกนำมาคิดมูลค่า หากมีการสำแดงไว้ก่อนเดินทาง) 
  • สิ่งของที่มีลักษณะทางการค้า แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่า 20,000 บาท
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกินกว่า 1 ลิตร
  • บุหรี่ เกินกว่า 200 มวน
  • ซิการ์หรือยาเส้น เกินกว่า 250 กรัม
  • ของต้องกำกัด คือ ของที่ต้องมีใบอนุญาต เช่น ยาและอาหารเสริม, เครื่องสำอาง, สัตว์เลี้ยง, อาวุธปืน, พืช, โดรน เป็นต้น
     
ซื้อสินค้าจากดิวตี้ฟรีเมืองไทย เสียภาษีไหม 

          จุดประสงค์หลักของการขายสินค้าปลอดภาษี เพื่อให้คนนำออกไปต่างประเทศเท่านั้น ดังนั้นถ้าซื้อสินค้าปลอดภาษีจากร้านดิวตี้ฟรี (Duty Free) ในเมืองไทย แล้วนำออกไปนอกประเทศ หากนำกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้งจะถือว่าเป็นของติดตัวที่ซื้อจากต่างประเทศ กรณีสินค้ามีมูลค่ารวมกันเกิน 20,000 บาท จะต้องเสียภาษีตามปกติ 

          แต่ถ้าสินค้าปลอดภาษีที่นำออกไปและนำกลับเข้ามาเป็นของใช้ส่วนตัวที่มีจำนวนไม่มากนัก และมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท ก็จะได้รับสิทธิยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีในส่วนนี้

หิ้วของเข้าไทย ต้องจ่ายภาษีอะไรบ้าง
ศุลกากร

         หากเป็นสิ่งของที่เข้าข่ายเสียภาษีตามที่กำหนด คนที่หิ้วของเข้ามาจะต้องเสียภาษี 2 ประเภทคือ

1. ภาษีนำเข้า

     โดยคิดตามอัตราอากรขาเข้าที่ระบุไว้ในพิกัดศุลกากร ซึ่งมีราคาแตกต่างกันตามชนิดและประเภทสินค้า เช่น

  • เสื้อผ้า หมวก เข็มขัด รองเท้า เครื่องสำอาง น้ำหอม คิดภาษี 30%
  • กระเป๋าแบรนด์เนม คิดภาษี 20%
  • CD DVD อัลบั้มเพลง อัลบั้มคอนเสิร์ต ตุ๊กตา คิดภาษี 10%
  • นาฬิกาข้อมือ แว่นตา แว่นกันแดด คิดภาษี 5%
  • โทรศัพท์ กล้อง คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์ อุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ แผงวงจรไฟฟ้า ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 

          ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะตีราคาตามใบเสร็จของสินค้า กรณีไม่มีใบเสร็จจะดูราคาจากฐานข้อมูลและเว็บไซต์ที่จำหน่ายสินค้านั้น ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของแบรนด์นั้นเอง หรือเว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้อง

          นอกจากนี้ สินค้านำเข้าบางประเภทยังต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย เช่น น้ำหอม เครื่องดื่ม สุรา บุหรี่ ไพ่ ฯลฯ

2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

          สินค้าทุกชิ้นที่เสียภาษีนำเข้าแล้ว จะต้องคิด VAT อีก 7% เข้าไปด้วย โดยคำนวณจากราคาสินค้าที่บวกกับอากรขาเข้าแล้ว 
สูตรคำนวณภาษีอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม

          ถ้าใครยังงง ๆ อยู่ว่าเราจะต้องเสียภาษีสินค้าที่นำเข้ามาเท่าไหร่ ก็ลองใช้สูตรนี้คำนวณภาษีเบื้องต้น ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 

1. อากรขาเข้า = ราคาสินค้า x อัตราภาษีขาเข้า
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = (ราคาสินค้า + อากรขาเข้า) x อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 
3. ภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระ = อากรขาเข้า + ภาษีมูลค่าเพิ่ม

          ยกตัวอย่าง ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ราคา 100,000 บาท จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย แม้จะเป็นของใช้ส่วนตัว แต่เนื่องจากมีมูลค่าเกิน 20,000 บาท จึงต้องเสียภาษีตามสูตรคำนวณต่อไปนี้

          1. คำนวณอากรขาเข้า = ราคาสินค้า (100,000) x อัตราภาษีขาเข้ากระเป๋า (20%)
              ดังนั้น อากรขาเข้า = 20,000 บาท

          2. คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม = [ ราคาสินค้า (100,000) + อากรขาเข้า (20,000) ] x ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
              ดังนั้น ภาษีมูลค่าเพิ่มของกระเป๋าใบนี้คือ 8,400 บาท
​​​​​​​         
​​​​​​​          ​​​​​​​3. รวมภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระคือ อากรขาเข้า (20,000) + ภาษีมูลค่าเพิ่ม (8,400) = 28,400 บาท

มีโทษอย่างไร ถ้าไม่เสียภาษีให้ถูกต้อง
          คนที่ซื้อของมาเต็มกระเป๋า อย่าคิดหลบเลี่ยงเดินเข้าช่องเขียวเด็ดขาด เพราะถ้าเจ้าหน้าที่สงสัยและสุ่มตรวจขึ้นมา จะมีความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร ต้องถูกริบของ และปรับเงิน 4 เท่าของราคารวมภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
          คราวนี้เวลาไปต่างประเทศ หากจะซื้อของใช้ส่วนตัว หรือซื้อฝากญาติ ฝากเพื่อน ก็อย่าลืมคำนวณเรื่องราคาและภาษีไว้ล่วงหน้า และเมื่อเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว หากไม่แน่ใจว่าสิ่งของที่เรานำเข้ามาต้องเสียภาษีหรือไม่ ก็ควรเดินเข้าช่องตรวจสิ่งของต้องสำแดง เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หิ้วของเข้าไทย เสียภาษีเท่าไหร่ แบบไหนไม่ต้องจ่ายภาษี ขาช้อปควรรู้ ! อัปเดตล่าสุด 24 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09:54:35 154,851 อ่าน
TOP
x close