กระทรวงการคลัง ชง ครม. เคาะโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เตรียมบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2564 คาดทำราคาขายปลีกพุ่งซองละ 6-8 บาท ด้านผู้ค้าแตกตื่นทยอยกักตุนเพียบ
วันที่ 20 กันยายน 2564 ไทยโพสต์ รายงานว่า นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ ว่า ได้ให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว หลังจากนี้คาดว่านายอาคมจะนำเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนนี้
คาดว่าจะเสนอ ครม. พิจารณาในวันที่ 21 กันยายน เพื่อจะได้มีเวลาให้ ครม. พิจารณาตัดสินใจ หากมีข้อปัญหาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง ก็จะมีเวลาพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปได้ทัน เนื่องจากโครงสร้างภาษีใหม่จะต้องมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2564
![บุหรี่]( "บุหรี่")
ทั้งนี้ ยืนยันว่ากรมสรรพสามิตได้พิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่อย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เคยเกิดในอดีต และตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลักคือ
1. ด้านสาธารณสุข
2. ด้านเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ จะต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3. ด้านรายได้ของรัฐบาลจะต้องไม่ลดลง
4. ด้านการดูแลบริหารจัดการบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอม
โดยภายใต้โจทย์ทั้ง 4 เรื่องนี้ โครงสร้างภาษีใหม่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มผู้ค้าบุหรี่บางกลุ่มต้องการ เพราะว่ามีข้อเสนอที่สุดโต่งเกินไป อีกทั้งยังบอกไม่ได้ว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะเป็นอัตราเดียวหรือ 2 อัตราเหมือนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ภาพรวมภาระภาษีจะปรับเพิ่มขึ้น
ผู้ค้าบุหรี่เริ่มกักตุนสินค้า หลังคาดการณ์ว่าภาษีบุหรี่ใหม่ ทำราคาพุ่ง 6-8 บาทต่อซอง
จากรายงานข่าวผู้ค้าบุหรี่ เผยว่า ขณะนี้ตลาดบุหรี่ได้เริ่มมีการกักตุนสินค้ามานานหลายเดือนแล้ว เพราะคาดการณ์กันว่าอัตราภาษีตามโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน แม้มูลค่าจะไม่ปรับขึ้นจาก 20% เป็น 40% ตามกฎหมายเดิม แต่อัตราการจัดเก็บขั้นต่ำจะมากกว่า 20% แน่นอน แต่คงไม่ถึง 40%
เบื้องต้นคาดว่าราคาบุหรี่หลังโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่มีผลบังคับใช้ จะส่งผลให้ราคาขายปลีกบุหรี่ปรับเพิ่มขึ้น 6-8 บาทต่อซอง
ด้าน ศ. นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า กระทรวงการคลัง และ ครม. จะรู้ทันบริษัทบุหรี่ ไม่หลงกลการนำบุหรี่เถื่อนมาเป็นข้ออ้างไม่ให้ขึ้นภาษี ขอให้ ครม. เห็นชอบอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ที่คำนึงถึงสุขภาพและชีวิตของคนไทย โดยอัตราภาษีใหม่ควรเป็นอัตราเดียว และต้องทำให้ราคาบุหรี่ขายปลีกแพงขึ้นกว่าปัจจุบัน เพื่อสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้คนเลิกสูบหรือสูบน้อยลง และป้องกันเด็กเยาวชนเข้ามาเสพติดบุหรี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
วันที่ 20 กันยายน 2564 ไทยโพสต์ รายงานว่า นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ ว่า ได้ให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว หลังจากนี้คาดว่านายอาคมจะนำเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนนี้
คาดว่าจะเสนอ ครม. พิจารณาในวันที่ 21 กันยายน เพื่อจะได้มีเวลาให้ ครม. พิจารณาตัดสินใจ หากมีข้อปัญหาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง ก็จะมีเวลาพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปได้ทัน เนื่องจากโครงสร้างภาษีใหม่จะต้องมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2564
ทั้งนี้ ยืนยันว่ากรมสรรพสามิตได้พิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่อย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เคยเกิดในอดีต และตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลักคือ
1. ด้านสาธารณสุข
2. ด้านเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ จะต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3. ด้านรายได้ของรัฐบาลจะต้องไม่ลดลง
4. ด้านการดูแลบริหารจัดการบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอม
โดยภายใต้โจทย์ทั้ง 4 เรื่องนี้ โครงสร้างภาษีใหม่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มผู้ค้าบุหรี่บางกลุ่มต้องการ เพราะว่ามีข้อเสนอที่สุดโต่งเกินไป อีกทั้งยังบอกไม่ได้ว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะเป็นอัตราเดียวหรือ 2 อัตราเหมือนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ภาพรวมภาระภาษีจะปรับเพิ่มขึ้น
ผู้ค้าบุหรี่เริ่มกักตุนสินค้า หลังคาดการณ์ว่าภาษีบุหรี่ใหม่ ทำราคาพุ่ง 6-8 บาทต่อซอง
จากรายงานข่าวผู้ค้าบุหรี่ เผยว่า ขณะนี้ตลาดบุหรี่ได้เริ่มมีการกักตุนสินค้ามานานหลายเดือนแล้ว เพราะคาดการณ์กันว่าอัตราภาษีตามโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน แม้มูลค่าจะไม่ปรับขึ้นจาก 20% เป็น 40% ตามกฎหมายเดิม แต่อัตราการจัดเก็บขั้นต่ำจะมากกว่า 20% แน่นอน แต่คงไม่ถึง 40%
เบื้องต้นคาดว่าราคาบุหรี่หลังโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่มีผลบังคับใช้ จะส่งผลให้ราคาขายปลีกบุหรี่ปรับเพิ่มขึ้น 6-8 บาทต่อซอง
ด้าน ศ. นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า กระทรวงการคลัง และ ครม. จะรู้ทันบริษัทบุหรี่ ไม่หลงกลการนำบุหรี่เถื่อนมาเป็นข้ออ้างไม่ให้ขึ้นภาษี ขอให้ ครม. เห็นชอบอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ที่คำนึงถึงสุขภาพและชีวิตของคนไทย โดยอัตราภาษีใหม่ควรเป็นอัตราเดียว และต้องทำให้ราคาบุหรี่ขายปลีกแพงขึ้นกว่าปัจจุบัน เพื่อสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้คนเลิกสูบหรือสูบน้อยลง และป้องกันเด็กเยาวชนเข้ามาเสพติดบุหรี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
