มติที่ประชุม กบง. ปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีสำหรับรถโดยสารสาธารณะ 62 สตางค์ เป็น 10.62 บาทต่อลิตร มีผล 16 พ.ค. 61 - 1 ก.ค. 62

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) กล่าวว่า กบง. มีมติเห็นชอบแนวทางดำเนินการสำหรับรถโดยสารสาธารณะที่ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) เพื่อให้มีการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ของรถยนต์ทั่วไปให้สะท้อนค่าความร้อนที่เปลี่ยนแปลงไป ตามแผนการบริหารจัดการคุณภาพ NGV
โดยเพิ่มค่าความร้อน 35,947 บีทียูต่อกิโลกรัม เป็น 38,500
บีทียูต่อกิโลกรัม ส่งผลให้จะมีการปรับขึ้นราคาขายปลีก NGV
สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ เพิ่มขึ้นอีก 0.62 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ได้คำนวณจากอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่คงที่ที่ 1
บาทต่อกิโลเมตร ด้วยเพราะคุณภาพก๊าซ NGV
ที่ดีขึ้นจะทำให้ผู้ประกอบการทำระยะทางได้มากกว่าเดิม
ดังนั้น จะส่งผลให้ราคาใหม่จะปรับจาก 10 บาทเป็น 10.62 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2561 ถึง 1 กรกฎาคม 2562 ขณะที่ราคา NGV ทั่วไปอยู่ที่ 13.57 บาทต่อกิโลกรัม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า การขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันไม่ให้แจ้งข่าวประกาศปรับราคาน้ำมันขึ้นหรือลงล่วงหน้านั้น เพราะเห็นว่าไม่ควรมีการชี้นำตลาด และคาดหวังว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันควรจะลดลงได้อีก 20-25 สตางค์ต่อลิตร หลังจากที่ภาครัฐได้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น และค่าการตลาดในปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยภาครัฐไม่ได้ห้ามการประกาศล่วงหน้า แต่การประกาศปรับราคาของแต่ละยี่ห้อโดยวัตถุประสงค์ต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคไม่ได้เป็นการชี้นำตลาด
นอกจากนี้ กบง. ยังมีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 20 ในกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ โดยกระทรวงการคลังจะยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตตามสัดส่วนการผสม บี 100 ลง 82 สตางค์ลิตร และกระทรวงพลังงานจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุน 2.20 บาทต่อลิตร เพื่อทำให้ราคาดีเซลเกรดพิเศษ บี 20 จะถูกกว่าดีเซล (บี 7) อยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากเปิดให้กลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ นำรถไปปรับจูนเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับการใช้ไบโอดีเซล บี 20 แล้วเสร็จในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายจะมีการใช้ไบโอดีเซล บี 20 อยู่ที่ 1.5 ล้านลิตรต่อวัน ในสัดส่วน 25% ของการใช้น้ำมันดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 65 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้การใช้บี 100 เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 5 ล้านลิตรต่อวัน จะทำให้ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้อีก 2.5 แสนตันต่อปี
สำนักข่าว INN

ดังนั้น จะส่งผลให้ราคาใหม่จะปรับจาก 10 บาทเป็น 10.62 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2561 ถึง 1 กรกฎาคม 2562 ขณะที่ราคา NGV ทั่วไปอยู่ที่ 13.57 บาทต่อกิโลกรัม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า การขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันไม่ให้แจ้งข่าวประกาศปรับราคาน้ำมันขึ้นหรือลงล่วงหน้านั้น เพราะเห็นว่าไม่ควรมีการชี้นำตลาด และคาดหวังว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันควรจะลดลงได้อีก 20-25 สตางค์ต่อลิตร หลังจากที่ภาครัฐได้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น และค่าการตลาดในปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยภาครัฐไม่ได้ห้ามการประกาศล่วงหน้า แต่การประกาศปรับราคาของแต่ละยี่ห้อโดยวัตถุประสงค์ต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคไม่ได้เป็นการชี้นำตลาด
นอกจากนี้ กบง. ยังมีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 20 ในกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ โดยกระทรวงการคลังจะยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตตามสัดส่วนการผสม บี 100 ลง 82 สตางค์ลิตร และกระทรวงพลังงานจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุน 2.20 บาทต่อลิตร เพื่อทำให้ราคาดีเซลเกรดพิเศษ บี 20 จะถูกกว่าดีเซล (บี 7) อยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากเปิดให้กลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ นำรถไปปรับจูนเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับการใช้ไบโอดีเซล บี 20 แล้วเสร็จในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายจะมีการใช้ไบโอดีเซล บี 20 อยู่ที่ 1.5 ล้านลิตรต่อวัน ในสัดส่วน 25% ของการใช้น้ำมันดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 65 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้การใช้บี 100 เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 5 ล้านลิตรต่อวัน จะทำให้ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้อีก 2.5 แสนตันต่อปี
สำนักข่าว INN