หลายครั้งที่คุณรู้สึกว่างานตรงหน้าไม่เดินเลย ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ อันที่จริงแล้วมันมาจากการไม่มีสมาธิตั้งมั่นกับงานตรงหน้านั่นเอง แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดีล่ะ มาเรียนรู้ที่จะกำจัดสิ่งล่อตาล่อใจแล้วมาโฟกัสกับงานกันด้วยวิธีที่ Lisa แนะนำกันเถอะ
เมื่อไรก็ตามที่เหล่าเพื่อนสาวหรือแฟนของคุณทักมาทางไลน์ หรือมีอะไรเกิดขึ้นใหม่ใน Facebook IG หรือ Twitter เมื่อนั้นคุณจะต้องหันหน้าไปดูหรือร่วมสนทนาด้วยทุกครั้ง เวลาหันกลับมาทำงานก็ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะปะติดปะต่อได้
The Fix : เลี่ยงการเมนท์ไป ทำงานไป เพราะคุณจะทำงานได้ไม่ดีหรอก แล้วเช็กหน้าจอเฉพาะช่วงที่ทำงานเสร็จหรืออยู่ในช่วงเบรกจะดีกว่า แต่ถ้าไม่สามารถยั้งใจได้จริง ๆ ลองเคลื่อนย้ายแล็ปท็อปของคุณไปทำงานในจุดที่ไร้สัญญาณ Wi-Fi ไปเลย
เดี๋ยวนี้ก็ดีเหลือเกิน อีเมล Outlook ดันมีระบบเตือนที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยว่ามีเมลเข้า แล้วไงล่ะทุกครั้งที่คุณเห็นไอคอนแจ้งเตือนก็มีอันต้องเปิดเมลทุกครั้งไป งานที่ทำอยู่ตรงหน้าก็ต้องชะงักไปอย่างไม่ต้องพูดถึง
The Fix : ตั้งเวลาสำหรับอีเมลป๊อปอัพให้เจาะจงลงไปเลย ในระหว่างวันก็อย่าไปเปิดดูมัน ที่จริงแล้วคุณสามารถปิดอีเมลเลยก็ได้ เพราะไม่มีอะไรสำคัญจริง ๆ ในอีเมลเหล่านั้นหรอก ถ้าเร่งด่วนจริง ๆ เขาคงเลือกที่จะโทรหาคุณเองแล้วล่ะ
หากงานไม่เดินเพราะคุณมัวแต่ใจลอย คิดถึงเรื่องภายในบ้าน หรือทะเลาะกับแฟนเมื่อวานจนคาใจมาถึงวันนี้ ทำให้คิดแล้วคิดอีก ช่วงไม่มีสมาธิเสียเลย
The Fix : วิธีหนึ่งที่จะจัดการความคิดกวนใจให้ลดน้อยลงคือการจดบันทึกไว้เลย ทำลิสต์ว่ามีอะไรที่คุณต้องการจะทำ หรืออะไรที่คุณอยากเคลียร์กับใครบ้าง เมื่อทุกอย่างที่อยู่ในใจถูกถ่ายทอดออกมาคุณอาจปล่อยวางมันได้ (อย่างน้อยก็ชั่วคราว)
คุณอาจคิดว่า "ฉันเก่งเหลือเกินที่มือซ้ายทำอย่างมือขวาทำอีกอย่าง" แต่จริง ๆ แล้วการทำหลายงานพร้อมกันไม่ได้ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นเลย เพราะมีงานวิจัยในอเมริกาชี้แจงว่า การทำหลาย ๆ งานในคราวเดียวกันจะยิ่งทำให้คุณเสร็จงานช้าลง อย่างการทำงาน 3 งานพร้อมกันกลับเสร็จช้ากว่าการทำทีละงานเรียงกัน 3 งานซะอีก
The Fix : เมื่อไรก็ตามที่คุณทำงานที่สำคัญมาก ๆ ให้จำไว้ว่าทำแค่อย่างเดียวพอ เก็บความชำนาญในการทำหลาย ๆ อย่างของคุณเอาไว้ดีลกับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการคุยโทรศัพท์กับแฟนพร้อมกับการจัดโต๊ะทำงานเถอะ
ความน่าเบื่อของงานที่อยู่ตรงหน้าอาจทำให้คุณคิดอยากผัดวันประกันพรุ่ง แล้วหันไปเช็กอีเมล คุยโทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งเช็กเฟซบุ๊กเพื่อนก่อน แม้กระทั่งการปัดกวาดโต๊ะแสนรกล้านปียังดูน่าดึงดูดขึ้นมา ทำแบบนี้งานชิ้นนั้นก็คงไม่เสร็จซักที
The Fix : เอาแนวคิดแบบ Reward System มาใช้กับเรื่องนี้เลย เช็กเวลาการทำงานของคุณให้เสร็จ แล้วสัญญากับตัวเองว่าถ้าทำงานนี้เสร็จได้ทันจะให้รางวัลกับตัวเองด้วยการพัก 10 นาที ไปกินกาแฟหรือไปเดินช้อปใต้ออฟฟิศ และหากเป็นงานไม่สำคัญไม่ต้องใช้สมาธิอะไรมากอย่างการกรอกรายละเอียดใบเบิกจ่าย Petty Cash ก็อาจฟังเพลงไปด้วยก็ได้
บางอย่างที่น่ารำคาญกว่าอีเมลแจ้งเตือนที่หน้าจอ ก็คือเสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาไม่ได้หยุด แต่มีหลายสายที่คุณสามารถเมินเฉยไปก่อนได้ อย่างโทรศัพท์จากเพื่อนหรือคนที่โทรเข้ามาขายสินค้า สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณเสียเวลาจากงานสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จตรงหน้า
The Fix : หากคุณเปิดมือถือเป็นระบบสั่นแล้วรู้สึกว่าโทรศัพท์ที่เข้ามาไม่น่ามีความจำเป็นก็ปล่อยให้สายนั้นเข้าสู่ Voice Mail ไปเลย อาจจะเลือกตั้งเป็นโหมดแบบปิดเสียง หรือเลือกเป็นบริการรับข้อความแทนก็ได้
The Problem : หิวข้าวมาก
จำไว้ว่าสมองไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่หากท้องหิว การทำงานคงไปไหนไม่ได้ไกลหากคุณอดอาหารโดยเฉพาะมื้อเช้า มีการวิจัยพบว่าการปล่อยให้ท้องว่างมีผลอย่างมากต่อความจำในระยะสั้น และคุณจะไม่สามารถเปล่งประกายได้เลยแม้จะแต่งตัวจัดเต็มขนาดไหนถ้าท้องร้องโหยหวน
The Fix : หยุดความหิวกระหายด้วยการยึดติดกับกฎง่าย ๆ ตามนี้ ได้แก่ กินมื้อเช้าเสมอ กินขนมที่มีโปรตีนสูงอย่างถั่ว เลี่ยงแป้งขาวอย่างขนมปังหรือเค้ก และเลือกแหล่งคาร์บชั้นดีอย่างโฮลเกรน และโฮลวีท
เมื่อรู้สึกว่าต้องทำอะไรเยอะมาก หรือสมองล้นจนเกิดความเครียด ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคิดอะไรไม่ออก แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือความเครียดยังสะท้อนออกมาทางร่างกายด้วย อย่างความรู้สึกไหล่ตึง หลังแข็งจนเมื่อย ใจเต้นระรัว ทุกสิ่งอย่างยิ่งทำให้คุณไม่สามารถโฟกัสที่งานได้
The Fix : เรียนรู้วิธีลดความเครียดอย่างการสวดมนต์หรือการนั่งสมาธิ มีผลการสำรวจหลายตัวในอเมริกาค้นพบว่า การเข้าคอร์สฝึกสมาธิตั้งแต่ 7 วันขึ้นไปจะทำให้คุณทำงานได้ดีขึ้น ดังนั้น รีบหาเวลาว่างไปฝึกจิตกันเลย
Tip : พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนมาก เมื่อต้องการอ่านหนังสือ หรือทำงาน ไม่งั้นงานตรงหน้าคงไม่สำเร็จแน่ ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก