ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป เรื่องที่คนต้องการนำหลักฐานไปใช้ลดหย่อนภาษีต้องรู้ เพื่อให้ได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ภาพจาก กรมสรรพากร
ในการซื้อสินค้าหรือรับบริการที่ต้องการนำค่าใช้จ่ายนั้นไปยื่นลดหย่อนภาษี
จะต้องมีหลักฐานการเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตาม ม.86/4 แห่ง ป.รัษฎากร
ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่า
ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นมีลักษณะแบบไหน
ต้องระบุข้อมูลอะไรบ้าง
เพราะปกติเวลาเราซื้อของจะได้รับเพียงใบกำกับภาษีอย่างย่อเท่านั้น
กระปุกดอทคอมจึงสืบค้นข้อมูลจากกรมสรรพากรมาอธิบายให้ฟังกันค่ะ
สำหรับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้นั้น ตาม ม.86/4 แห่ง ป.รัษฎากร ระบุว่าต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้
1. คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี และในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86 วรรคสี่ หรือมาตรา 86/2 หรือผู้ทอดตลาดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86/3 ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนนั้นด้วย
3. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ (เลขประจำตัวผู้เสียภาษี = เลขประจำตัวบัตรประชาชน) โดยประเด็นนี้มีสิ่งที่ต้องรู้ คือ
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ จำเป็นต้องระบุในใบกำกับภาษี
- เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อไม่ได้บังคับ หากใบกำกับภาษีนั้นไม่ได้ระบุเลขบัตรประชาชนของผู้ซื้อ ก็ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้
- ที่อยู่ของผู้ซื้อ จะใช้ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ตามทะเบียนบ้าน หรือที่อยู่ในปัจจุบันก็ได้
4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)
5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ
6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าและหรือของบริการให้ชัดแจ้ง
7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด (ถ้ามี) เช่น คำว่า เอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ
ทั้งนี้รายการในใบกำกับภาษีต้องเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทย และใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี
นอกจากนี้ ใบกำกับภาษีอาจออกรวมกันสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการหลายอย่างก็ได้ เว้นแต่อธิบดีจะได้กำหนดให้การออกใบกำกับภาษีสำหรับสินค้าหรือบริการบางอย่างหรือหลายอย่างต้องกระทำแยกต่างหาก โดยมิให้รวมไว้ในใบกำกับภาษีเดียวกันกับรายการอื่น
ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสรรพากร
1. คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี และในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86 วรรคสี่ หรือมาตรา 86/2 หรือผู้ทอดตลาดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86/3 ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนนั้นด้วย
3. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ (เลขประจำตัวผู้เสียภาษี = เลขประจำตัวบัตรประชาชน) โดยประเด็นนี้มีสิ่งที่ต้องรู้ คือ
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ จำเป็นต้องระบุในใบกำกับภาษี
- เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อไม่ได้บังคับ หากใบกำกับภาษีนั้นไม่ได้ระบุเลขบัตรประชาชนของผู้ซื้อ ก็ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้
- ที่อยู่ของผู้ซื้อ จะใช้ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ตามทะเบียนบ้าน หรือที่อยู่ในปัจจุบันก็ได้
4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)
5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ
6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าและหรือของบริการให้ชัดแจ้ง
7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด (ถ้ามี) เช่น คำว่า เอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ
ทั้งนี้รายการในใบกำกับภาษีต้องเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทย และใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี
นอกจากนี้ ใบกำกับภาษีอาจออกรวมกันสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการหลายอย่างก็ได้ เว้นแต่อธิบดีจะได้กำหนดให้การออกใบกำกับภาษีสำหรับสินค้าหรือบริการบางอย่างหรือหลายอย่างต้องกระทำแยกต่างหาก โดยมิให้รวมไว้ในใบกำกับภาษีเดียวกันกับรายการอื่น
ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสรรพากร