หุ้นกู้ออกใหม่
เดือนพฤษภาคม 2567
1. บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU)
บริษัทประกอบธุรกิจจัดหาพลังงานครบวงจร ครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เสนอขายหุ้นกู้ 5 ชุด ในเดือนพฤษภาคม 2567 ดังนี้
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.10% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2573
-
ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.76% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2574
-
ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.08% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2577
-
ชุดที่ 5 อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.21% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2579
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 6 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : A+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 3 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 7-9 พฤษภาคม 2567
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารทหารไทยธนชาต, ธนาคารยูโอบี ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ และบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต
-
ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
2. บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (ORI)
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ฯ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เสนอขายหุ้นกู้จำนวน 3 ชุด ในเดือนพฤษภาคม 2567 ได้แก่
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 10 เดือน 8 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570
-
ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 9-10 และ 13 พฤษภาคม 2567
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล, บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า, บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ, บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์, บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
3. บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC)
บริษัทผู้ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ สินเชื่อโฉนดที่ดิน และสินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้ารายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป เสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุด ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 ได้แก่
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 22 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 21 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570
-
ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 27 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2571
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 14-16 พฤษภาคม 2567
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส, บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์, บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า, บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล, บริษัทหลักทรัพย์ พาย, บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์, บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีพัฒนสิน และบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
4. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)
บริษัทผู้ให้บริการสื่อสารครบวงจร ทั้งด้านเครือข่าย ดิจิทัลมีเดีย และคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ต Wi-Fi และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เสนอขายหุ้นกู้ 5 ชุด ในเดือนพฤษภาคม 2567 ประกอบด้วย
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.95% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2568
-
ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.51% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.70% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570
-
ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2572
-
ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2577
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : A+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 3 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี ยกเว้นรุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกมีสิทธิ์ไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 23-24 และ 27 พฤษภาคม 2567
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารยูโอบี, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส, บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย, บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สิ่งที่ต้องพิจารณา
ก่อนลงทุนหุ้นกู้
ความมั่นคงและความน่าเชื่อของบริษัท
อายุของหุ้นกู้ที่ต้องการลงทุน
อัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้
-
หุ้นกู้ที่มีเรตติ้งสูงจะให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งน้อยกว่าเมื่อเทียบในระยะเวลาเท่ากัน เช่น หุ้นกู้ที่มีเครดิต A+ ย่อมให้ดอกเบี้ยน้อยกว่าหุ้นกู้ที่มีเครดิต BBB+
- หุ้นกู้ที่มีระยะเวลานานกว่ามักให้ดอกเบี้ยสูงกว่าหุ้นกู้ที่มีระยะเวลาถือครองสั้น เช่น หุ้นกู้ในบริษัทเดียวกันที่มีอายุ 7 ปี จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่ารุ่นอายุ 4 ปี
คุณสมบัติผู้จองซื้อ
หากสนใจหุ้นกู้ตัวไหนควรตรวจสอบด้วยว่า หุ้นกู้ตัวนั้นเสนอขายแก่คนกลุ่มใด เรามีสิทธิ์ซื้อได้หรือไม่ ซึ่งจะแบ่งกลุ่มผู้ลงทุนออกเป็น 4 ประเภท คือ
1. ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP10) คือ การขายตราสารหนี้ให้กับผู้ลงทุนไม่เกิน 10 ฉบับ หรือ 10 ราย ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องเป็นผู้ลงทุนสถาบัน กรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถือหุ้นเกิน 10% และบริษัทในเครือเท่านั้น
2. ผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional Investor : II) เช่น ธนาคาร บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน บริษัทประกัน
3. ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth : HNW) คือ บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่มีสินทรัพย์ รายได้ต่อปี หรือลงทุนในหลักทรัพย์ตามที่กำหนด โดยกรณีเป็นบุคคลธรรมดา (รวมคู่สมรสตามกฎหมาย) จะใช้เกณฑ์ดังนี้ (เข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง)
-
มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป หรือ
-
มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตั้งแต่ 8 ล้านบาทขึ้นไป ถ้ารวมเงินฝากจะเป็น 15 ล้านบาทขึ้นไป หรือ
-
มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป ไม่รวมที่อยู่พักอาศัยประจำ
แต่ในกรณีที่มีฐานะทางการเงินไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะพิจารณาคุณสมบัติด้านความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนเพิ่มเติม โดยหากเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ก็สามารถเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ได้
-
มีประสบการณ์การลงทุนย้อนหลังในสินทรัพย์เสี่ยงที่ต้องมีการลงทุนเป็นประจำและต่อเนื่อง หรือ
-
มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงินและการลงทุน หรือ
-
เป็นผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้วางแผนการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. หรือ
-
ได้รับวุฒิบัตรที่เกี่ยวกับการลงทุน
ความเสี่ยงของหุ้นกู้ที่ควรรู้
ความเสี่ยงของหุ้นกู้หลัก ๆ นั้นจะมีอยู่ 3 ด้าน คือ
-
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง : การลงทุนหุ้นกู้จะได้รับเงินคืนเมื่อครบกำหนดเวลาไถ่ถอน แต่ถ้าอยากขายออกมาก่อนกำหนดสามารถขายได้ผ่านตลาดรอง เพียงแต่อาจต้องขายลดราคาหรือขาดทุน
-
ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย : หุ้นกู้มักให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ ดังนั้น จะไม่มีการปรับขึ้น-ลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หมายความว่า ถ้าเราลงทุนไปแล้วเกิดมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หุ้นกู้ก็จะยังให้ดอกเบี้ยเท่าเดิม ไม่ปรับขึ้นตาม เราจึงอาจเสียโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นกู้
- ความเสี่ยงด้านเครดิต : บริษัทผู้ออกหุ้นกู้บางแห่งอาจประสบปัญหาหมุนเงินไม่ทัน ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือไม่สามารถคืนเงินลงทุนให้เราได้เมื่อครบกำหนด เท่ากับผิดนัดชำระหนี้ (Default) ส่งผลให้เงินลงทุนของเราแทบกลายเป็นศูนย์ ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องการชดเชยต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้องกับหุ้นกู้
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (1), (2), (3), (4)
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (1), (2), (3), (4), YouTube ThaiBMAChannel