เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
มีคนไม่น้อยที่ฝันอยากเป็นเจ้าของรถสักคัน แต่รถคันหนึ่งราคาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ทำให้กว่าจะได้รถมาครอบครองก็ต้องทนอดหอมรอมริบกันหลายปีทีเดียว โดยเฉพาะผู้มีรายได้ระหว่าง 15,000 -25,000 บาทต่อเดือน แต่จู่ ๆ ก็มีนโยบายรถคันแรกออกมาล่อตาล่อใจ คนอยากมีรถ จนมีคนแห่ไปจองรถใหม่ที่เข้าข่ายนโยบายรถคันแรกเต็มจำนวนมาก
แต่แล้วด้วยภาระค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากงวดผ่อนชำระค่ารถตามปกติแล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก อาทิ ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าล้างรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน และค่าต่อทะเบียน ที่รวม ๆ แล้วต้องจ่ายเพิ่มถึงเดือนละ 6,000-10,000 บาท จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ในเวลานี้ จะเริ่มได้ยินเสียงโอดครวญถึงค่าใช้จ่ายที่ตึงตัวจากกลุ่มคนที่ซื้อรถคันแรกแล้ว ด้วยเหตุที่กลุ้มใจว่า ตนจะหาเงินจากไหนมาผ่อนรถคันแรกต่อดี หากผ่อนรถคันแรกต่อไม่ไหว ต้องทำอย่างไร
และเพื่อให้ผู้กำลังประสบปัญหาผ่อนรถคันแรกไม่ไหว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี คลายข้อสงสัยในเรื่องนี้ เราดีข้อมูลดี ๆ จาก ธนาคารกสิกรไทย มาบอก เผื่อจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาของคุณ
ผ่อนหนี้รถคันแรกไม่ไหว... ควรทำอย่างไร เมื่อผู้ซื้อรถคันแรกเริ่มรู้สึกว่า ไม่สามารถผ่อนรถคันแรกต่อได้แล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
1. กรณีเกินกำหนดงวดแรก ผู้ให้เช่าซื้อจะเริ่มคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอยู่ในระดับสูง ซึ่งกำหนดไว้ที่ไม่เกินอัตรา MRR (Minimum Retail Rate) บวกร้อยละ 10 ต่อปี
2. กรณีเกินกำหนดติดต่อกันสองงวด จะเริ่มการติดตามทวงถามหนี้และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม
3. หากเกินกำหนดติดต่อกันเป็นงวดที่สาม จะมีการส่งจดหมายแจ้งยกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นการเตือนล่วงหน้าว่าจะดำเนินการยึดรถหากลูกหนี้ไม่สามารถนำเงินมาชำระภายในเวลาที่กำหนดไว้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อก็จะยึดรถคืนและนำไปขายทอดตลาด
แต่ทั้งนี้ หากจำนวนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด ยังไม่เพียงพอกับยอดหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้าง ผู้กู้ยังคงต้องรับภาระหนี้ต่อไปอยู่เช่นเดิม
ดังนั้น ถ้าอยากจะแก้ปัญหาผ่อนรถคันแรกไม่ไหวแบบตรง ๆ ขอแนะนำให้ขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ไปให้ผู้เช่าซื้อรายอื่น เพื่อจะได้นำเงินมาชำระหนี้ที่ค้างอยู่ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่า จะผิดเงื่อนไขโครงการรถคันแรกที่ระบุว่า ต้องไม่ขายรถภายใน 5 ปีแรก เพราะกรมสรรพสามิตได้ให้สิทธิผู้ที่เห็นว่าตนเองผ่อนชำระไม่ไหว ขอ "ปลดล็อก" โดยต้องติดต่อ กรมสรรพสามิต เพื่อขอคืนเงินที่ได้รับไปแล้ว พร้อมทั้งกรอกแบบฟอร์มหนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์ใหม่คันแรก หลังจากนั้นก็สามารถนำไปขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้แบบไม่กังวลใจอีกแล้ว
ซึ่งนอกจากวิธีที่แนะนำกันไปในข้างต้นแล้ว ก็ยังมีวิธีที่จะช่วยบรรเทาไม่ให้รถถูกยึด มีรายละเอียด ดังนี้
1. ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ที่เคยมีทุกเย็น ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน หากลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลง จะช่วยให้มีเงินเหลือในแต่ละเดือนเพื่อสามารถนำไปผ่อนรถได้มากขึ้น
2. ลดปริมาณการใช้รถ วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีการเดินทางไปทำงานไกลบ้าง ใกล้บ้าง ดังนั้น หากวันไหนทำงานในที่ใกล้ๆ หรือเข้าทำงานในออฟฟิศที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน ก็สามารถลดการใช้รถ เพื่อประหยัดค่าที่จอดรถรายวัน ค่าทางด่วน ที่สำคัญช่วยลดค่าน้ำมันด้วย
3. หารายได้เสริมจากงานที่ทำ เช่น การทำงานล่วงเวลา หากบริษัทต้องเร่งงานให้เสร็จทันกำหนด เราอาจเป็นคนแรกๆ ที่เสนอตัวเข้ารับทำงาน เพื่อให้งานเสร็จทันเวลา และที่สำคัญยังได้รับค่าแรงล่วงเวลาอีกด้วย หรือการหารายได้เสริมอื่น ๆ จากความถนัดความชอบของตนเอง เช่น หากมีฝีมือในการทำอาหาร หรือการทำขนม
4. ปล่อยเช่า ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ทำให้เสียโอกาสในการใช้รถของตัวเองด้วย ที่สำคัญหากเลือกวิธีนี้ต้องดูว่าคุ้มค่ากับเงินค่าเช่าที่ได้รับหรือไม่ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน หรือสภาพภายในของรถเสื่อมเร็วกว่าการใช้งานเอง
5. ขับรถติดโฆษณา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เจ้าของรถยังสามารถใช้รถของตัวเองได้ แต่จะมีสติ๊กเกอร์โฆษณาติดรอบคันรถ ซึ่งอาจทำให้รถของเราดูแปลกตาไป
6. เปิดท้ายขายของ หากในบ้านมีของเหลือใช้ ที่มีสภาพดีอยู่ สามารถเพิ่มรายได้ของเราโดยนำสิ่งของเหล่านั้นมาใส่ท้ายรถคันโปรด เพื่อเปิดท้ายขายของตามตลาดนัด หรือลานจอดรถที่มีผู้คนพลุกพล่าน
นี่เป็นเพียงวิธีง่าย ๆ ที่เชื่อว่า จะช่วยให้แก้ปัญหาจ่ายค่าผ่อนรถคันแรกต่อไม่ไหวของหลาย ๆ คนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ได้แน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
