คาถาปลดหนี้ (modernmom)
เรื่อง : สุวกา เจริญยิ่ง
มักมีคนมาถามดิฉันเสมอว่า คาถาปลดหนี้ที่ดีมีไหม ต้องท่องวันละกี่จบ และท่องแล้วจะร่ำรวยทันตาเห็นหรือไมเราต้องยอมรับว่าการที่คนเรามีหนี้สินล้นพ้นตัวนั้น จะกลายเป็นคนปลอดหนี้ตัวเบาได้เนี่ย ถ้าไม่ถูกหวยมีเงินตกลงมาตรงหน้า ก็ต้องเป็นชินเดอเรลล่า หรือเป็นหนูตกถังข้าวสาร ได้คู่ครองเป็นคนมีฐานะที่จะมาค้ำจุน หรือเจอบุคคลผู้เป็นเหมือนพ่อพระแม่พระ ให้โอกาสเรามีเงินมาทำทุนต่อชีวิตใช้หนี้
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่จะเกิดไม่ได้ แต่จะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าเราไม่ใช่คนที่ดี เพราะคนที่ดีเท่านั้นจึงจะได้พบสิ่งที่ดีในชีวิตดิฉันเลยขอถือโอกาสว่า ในระหว่างที่ยังไม่ถูกหวย ยังไม่เจอคู่ครองที่ใช่และคนใจบุญยังไม่เกิด เราลองมาท่องคาถาปลดหนี้กันก่อนดีไหม อย่างน้อยท่องเป็นประจำ ชีวิตนี้ก็น่าจะดีขึ้น เพียงแต่คาถานี้ไม่ได้มีบทเดียว ประกอบด้วย 5 บท จึงขอเริ่มทีละบทก็แล้วกันนะคะ
คาถาบทที่ 1 : สำรวจหนี้ปัจจุบันว่ามีทั้งหมดเท่าไร และเป็นหนี้จากอะไร
การมีหนี้ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายไปเสียทั้งหมด หนี้ที่ดีก็มี เช่น หนี้กู้ซื้อบ้านหนี้การศึกษา หนี้ในการกู้มาเปิดร้านขายของ หรือสต็อกสินค้าไว้ทำการค้า ในขณะเดียวกันก็มีหนี้ที่ไม่ควรมีแต่มีขึ้นมาแล้ว เช่น หนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว อาทิ หนี้บัตรเครดิต หนี้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งหนี้สินเชื่อรถคันแรกที่เราไปออกรถมาเพียงเพราะได้รับลดหย่อน แต่ไม่ได้ดูฐานะว่ามีความลำบากในการผ่อนอย่างไร เราจึงควรต้องนั่งแยกประเภทหนี้และสำรวจว่าเป็นหนี้เรื่องอะไร และเงื่อนไขการผ่อนจ่ายและอัตราดอกเบี้ยแต่ละที่เท่าไร เพื่อจะดูว่าปัจจุบันเรามีหนี้ทั้งหมดเท่าไรและเป็นหนี้อะไรบ้าง
คาถาบทที่ 2 : ชำระคืนหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน
ส่วนใหญ่หนี้ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุด คือหนี้นอกระบบ และหนี้บัตรเครดิต ซึ่งจะอยู่ประมาณ 18-21% ต่อปี ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือ หยุดหนี้นอกระบบทั้งหมด และพยายามมามีหนี้เฉพาะในระบบเท่านั้น หมายถึงเลือกกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเอาบ้านเอารถไปจำนองจำนำก่อน เพราะหนี้บ้านหนี้รถดอกเบี้ยก็อยู่ประมาณ 7-8% ต่อปี ถูกกว่าเป็น 2-3 เท่า คาถาบทนี้จึงบอกว่าเมื่อเรารู้ว่ามีหนี้ที่ไหนบ้าง สิ่งที่ต้องทำคือ การเลือกชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงให้หมด และพยายามเหลือหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำไว้ อย่าปล่อยหนี้ดอกเบี้ยสูง เช่น ธนาคารเขาบอกให้ทยอยเลือกชำระได้เพียงแค่ 10% แทนที่จะจ่ายคืนทั้งหมดก็จ่ายเพียงแค่ 10% เหลืองเงินเอาไว้ และเอาเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นแทน
คาถาบทที่ 3 : สำรวจรายรับและรายจ่าย
การที่มีหนี้บางครั้งเกิดจากรายรับและรายจ่ายไม่สัมพันธ์กัน ถ้าเรายังเอาแต่ก่อหนี้ คือเอาเงินในอนาคตมาใช้วันนี้ ก็ยิ่งทำให้มันไม่สัมพันธ์กันยิ่งขึ้นสิ่งที่ต้องทำคือ สำรวจรายรับและรายจ่าย และถ้ารายรับน้อยกว่ารายจ่าย สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ การลดรายจ่ายเคยกินข้าวนอกบ้านทุกอาทิตย์ ก็เปลี่ยนเป็นเดือนละครั้ง เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่ทุกเดือนก็เป็นเดือนเว้นเดือน กินอยู่ก็ให้ประหยัดขึ้น และถ้ามีหนี้ก็ต้องมีวินัย เอาเงินไปใช้คืนหนี้ก่อนอย่าเอาไปใช้จ่าย ในขณะที่เมื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างไร รายรับก็ยังไม่พออีก ก็ต้องหาวิธีเพิ่มรายรับ เช่น การลุกขึ้นมาหางานทำเพิ่มขึ้น การเข้าใจเรื่องการลงทุน ผลตอบแทนกับความเสี่ยง เป็นต้น
คาถาบทที่ 4 : ขอตัวช่วยในการปลดหนี้
สถานะมีหนี้มักลำบาก แม้จะประหยัดก็ยังไม่สามารถปลดหนี้ได้ ตัวช่วยที่สำคัญคือ ทรัพย์สินที่มีและไม่ได้ใช้เอาไปจำนำจำนองก่อนไหม เพราะโรงรับจำนำ ดอกเบี้ยคือ 15% ต่อปี ตกเดือนละ 1.25% หรือขายทรัพย์สินนั้นไปเพื่อเอามาใช้หนี้ให้เรียบร้อย หรือการที่จะออกปากขอยืมเงินจากญาติก่อน เพื่อจะได้ขอเป็นลักษณะจ่ายดอกเบี้ยปีละครั้ง แทนที่จะต้องหมุนเงินเป็นรายเดือน และสุดท้ายคือทำงานเพิ่ม เพราะรายรับไม่พอก็ต้องหารายรับเพิ่ม คาถาบทนี้คือ เริ่มจากการขายทรัพย์สิน การหาแหล่งเงินกู้ที่มีต้นทุนที่ถูกลง การหารายรับเพิ่มเติมล้วนเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการปลดหนี้ทั้งสิ้น
คาถาบทที่ 5 : หยุดก่อหนี้เพิ่ม
การหยุดก่อหนี้เพิ่ม คือ ต้องตั้งใจเสมอว่าเราจะไม่ก่อหนี้เพิ่ม ตราบใดที่เรายังปลดภาระของเดิมไม่หมด ก็อย่าก่อภาระเพิ่ม อย่าลืมว่าลาหลังหักเพียงเพราะฟางเส้นเดียว บางทีสิ่งที่เราบอกว่า อีกนิดหนึ่งคงไม่เป็นไร อาจจะทำให้หลังเราหักโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราไม่หยุดเราก็จะลำบากยิ่งขึ้น และถ้ามีหนี้ก็ขอให้เป็นหนี้ที่ดีที่จะออกดอกออกผลให้เราในภายภาคหน้า ไม่ใช่หนี้ในสินค้าฟุ่มเฟือยหรือการใช้จ่ายที่ไม่ประมาณตน
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากไว้ ก็คือคาถาปลดหนี้ที่ดีที่สุดคือตัวเรานั่นเอง เราจะเป็นอย่างไร มีทุกข์สุขมากแค่ไหน ก็เกิดจากการที่เราทำตัวของเราเอง คงได้แต่ฝากคาถาปลดหนี้ไว้ให้ท่าน ๆ ทั้งหลายได้ท่องเป็นเกราะป้องกันตัวและคุ้มครองให้ชีวิตมั่นคงและมั่งคั่งตลอดไป
และขอให้ทุกท่านได้มีชีวิตตามที่ใจปรารถนา และปลอดหนี้ได้ถ้วนทั่วทุกครัวเรืยนนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.18 No.216 ตุลาคม 2556