ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก SSO Savings Club
คนทำงานทุกคนล้วนต้องจ่ายค่าประกันสังคมเพื่อเป็นเงินสมทบ ซึ่งเราเองก็รู้กันดีว่าจะสามารถเบิกประกันสังคมได้จากค่ารักษาพยาบาล ค่าทำคลอด และเป็นเงินออมเมื่อยามเกษียณ เป็นต้น แต่ที่จริงแล้ว ประกันสังคม ยังมีสิทธิประโยชน์ที่คนทำงานจะได้รับมากกว่านั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเอาข้อมูลน่ารู้จาก เฟซบุ๊ก SSO Savings Club เกี่ยวกับสิทธิประกันสังคมที่เราจะได้รับ มาฝากกัน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกันค่ะ
เหลืออีกเพียง 2 เดือนนะครับ ที่เราจะได้สมทบประกันสังคมในอัตราฝ่ายละ 4% (มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2556) ช่วงนี้พวกเราจึงได้สมทบน้อยลง แต่ได้สิทธิครบถ้วนเท่าเดิม ... หลังปีใหม่แล้วจะกลับไปใช้อัตรา 5% ตามปกติครับ
เนื่องจากกองทุนประกันสังคมมีการจัดเก็บเงินสมทบจากฐานค่าจ้างขั้นต่ำ 1,650 บาท และขั้นสูง 15,000 บาท คนที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จึงสมทบในอัตรา 4% ของเพดานค่าจ้าง 15,000 บาท เป็นจำนวนรวม 600 บาท นายจ้างของเราสมทบอีก 4% คิดเป็นเงิน 600 บาท รัฐบาลช่วยสมทบอีก 2.75% คิดเป็นเงิน 412.50 บาท
สรุปว่า ปี 2556 นี้ พวกเราจึงสมทบสูงสุดไม่เกินคนละ 600 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ก้อน ดังนี้
1. ก้อนใหญ่ (สีฟ้า) จำนวน 450 บาท เป็นเงินสมทบกรณีชราภาพ ซึ่งเป็น "การออมเพื่อเกษียณ" มีนายจ้างช่วยอีก 450 บาท เงินก้อนนี้เราได้รับคืนแน่นอน โดยจะได้รับเป็นบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพหลังเกษียณครับ
2. อีก 2 ก้อน (สีเหลือง) จำนวน 75+75 = 150 บาท ถูกหักเพื่อการคุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน คลอดบุตร และว่างงาน เงินสมทบในส่วนนี้เปรียบเสมือนการจ่ายเบี้ยประกัน หากเราไม่ได้ใช้สิทธิกรณีใดเลยในขณะนี้ เงินส่วนนี้จะถูกนำไปรวมเป็นเงินกองกลาง เพื่อใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือจ่ายเป็นเงินประโยชน์ทดแทนการขาดรายได้ให้แก่เพื่อน ๆ ผู้ประกันตนที่ประสบความเดือดร้อนตามหลักการ "เฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข" ซึ่งกันและกันครับ
ป.ล.1 - เงินสมทบของรัฐบาลที่อยู่ในช่อง "สงเคราะห์บุตร/ชราภาพ" นั้น เจตนาคือต้องการนำไปใช้จ่ายกรณี "สงเคราะห์บุตร" เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ประกันตนที่มีลูกครับ ดังนั้น เงินสงเคราะห์บุตรนี้ รัฐบาลเป็นคนควักกระเป๋าจ่าย ถ้าจ่ายกรณีสงเคราะห์บุตรแล้วมีเหลือ ก็จะนำไปรวมกับเงินออมชราภาพครับ
ป.ล.2 - คนที่ไม่มีลูกอาจจะนึกเสียดายที่ตนเองไม่ได้ใช้สิทธิ "คลอดบุตร" และ "สงเคราะห์บุตร" ... อยากให้คิดว่า การมีบุตร 1 คน พ่อแม่มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะมากครับ ค่าคลอดบุตรและเงินสงเคราะห์บุตรที่ได้รับนั้น เป็นเพียงการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเท่านั้นครับ
เราได้รับสิทธิอะไรบ้าง จากเงินสมทบประกันสังคมสูงสุดเดือนละ 600 บาท
เราได้ทราบแล้วว่า จากการปรับลดอัตราเงินสมทบในปี 2556 เหลือฝ่ายละ 4% (มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2556) พวกเราได้สมทบน้อยลง แต่ได้สิทธิครบถ้วนเท่าเดิมครับ
เงินสมทบแต่ละคนไม่เท่ากัน ต้องเอา 4% ไปคูณฐานค่าจ้าง เช่น
- ค่าจ้าง 10,000 บาท สมทบเดือนละ 400 บาท
- ค่าจ้าง 12,000 บาท สมทบเดือนละ 480 บาท
- ค่าจ้าง 15,000 บาทขึ้นไป สมทบเดือนละ 600 บาท
เนื่องจากกองทุนประกันสังคมมีการจัดเก็บเงินสมทบจากฐานค่าจ้างขั้นต่ำ 1,650 บาท และขั้นสูง 15,000 บาท คนที่มีรายได้เกิน 15,000 บาท ก็จะสมทบแค่ 600 บาท ไม่เกินนี้ โดยแบ่งเป็น 3 ก้อน ดังนี้ครับ
75 บาท => ดูแลสิทธิประโยชน์ 4 กรณี คือ เจ็บป่วย/ประสบอันตราย เสียชีวิต คลอดบุตร และทุพพลภาพ
450 บาท => เป็นเงินออมชราภาพ ที่จะได้รับคืนเป็นบำเหน็จหรือบำนาญหลังเกษียณ (หมายเหตุ : เงินสงเคราะห์บุตรเป็นสิทธิที่ได้รับจากเงินสมทบส่วนของรัฐบาล จึงเป็นสิทธิที่ผู้ประกันตนที่มีบุตรได้รับฟรีโดยไม่ต้องเสียเงินครับ)
75 บาท => ดูแลสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน
ถ้าชอบก็โปรดกด Like ให้ด้วยครับ ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยกัน Share ต่อ ๆ ไปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ เฟซบุ๊ก SSO Savings Club
ได้รู้จักกับข้อมูลสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากเงินประกันสังคมที่จ่ายไปแล้ว ทำให้ได้รู้ว่าเงินประกันสังคมที่เราจ่ายกันไปทุกเดือนไม่ได้หายไปไหน แต่หากขึ้นปี 2557 คนที่ได้รับเงินเดือนเกิน 15,000 บาท ก็คงต้องจ่ายเงินประกันสังคมกันเต็มจำนวน 750 บาทแล้วนะคะ อย่าลืมทำความเข้าใจกันล่วงหน้าด้วยจ้า
