ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คาดแจกเงินดิจิทัล 10,000 ได้ล่าช้า คาดใช้ได้ช่วงกันยายน 2567 เชื่อ 90% น่าจะกลับไปใช้แอปฯ เป๋าตัง
![เงิน เงิน]()
ภาพประกอบไม่เกี่ยข้องกับข้อมูล
วันที่ 30 ตุลาคม 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานเปิดการเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ "นานาทัศนะกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท : เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้ความท้าทายและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ"
โดยระหว่างนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป็นหนึ่งในนโยบายหายเสียงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเป้าหมายแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ภายใต้งบประมาณกว่า 500,000 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกันก็มีนักวิชาการและคณาจารย์ ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกเพราะมองว่าได้ประโยชน์ไม่คุ้มทุน และเป็นการสร้างบรรทัดฐานการจ่ายเงินระยะสั้น ไม่คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ดังนั้น สว. จึงได้เชิญทุกฝ่ายมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อระดมข้อเสนอจัดทำเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป
ขณะที่ นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
โครงการนโยบายเงินดิจิทัลมีหลายอย่างที่จะปรับเปลี่ยน
เช่นการให้สิทธิประชาชน 56 ล้านคน เพราะหลายฝ่ายเห็นว่าไม่ควรแจกคนรวย
เพราะไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
มองว่าคนรวยจะเอาเงินส่วนนี้มาทนแทนค่าใช้จ่าย และเก็บเงินของตัวเองไว้แทน
ดังนั้นตัวเลขประชาชนที่จะได้สิทธิ จะเหลือ 40 กว่าล้านคน
ซึ่งยังไม่รวมผู้ที่ไม่มาลงทะเบียนอีก
ทั้งนี้ เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะใช้เงินจากงบประมาณไม่ถึง 500,000 ล้านบาท โดยผ่านการอนุมัติจากสภา แต่งบประมาณจะมีความล่าช้า ไม่น่าจะทันเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แต่จะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนกันยายน 2567 แทน
ขณะเดียวกันน่าจะมีเร่งดำเนินการงบประมาณปี 2568 ไปด้วย เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน
ส่วนเงื่อนไขที่จะใช้เงินได้ในระยะ 4 กิโลเมตรนั้น คงไม่มีแล้ว แต่จะให้อยู่ในอำเภอหรือเขตเดียวกัน เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง
วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่กรอบหมดแล้ว ไม่สามารถจะกู้เพิ่ม รายได้ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงจำเป็น แต่โครงการนี้ก็จะต้องควบคู่ไปกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการทางเศรษฐกิจที่ต้องทำให้มองเห็น เป็นโจทย์ยากที่รัฐบาลต้องทำให้สอดคล้องกันให้ได้
ทั้งนี้ นายพิชัย ชี้ว่าการแจกเงินดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อบังคับให้มีการใช้จ่าย ส่วนคนที่จะมาขึ้นเงินก็ต้องลงทะเบียนและเสียภาษีด้วย แต่การแจกเงินอาจจะได้ไม่พร้อมกัน และอาจจะได้เงินในช่วงที่มีวันหยุด เช่น ปีใหม่ หรือสงกรานต์ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเชื่อว่า 90% น่าจะกลับไปใช้แอปฯ เป๋าตัง เนื่องจากมองว่าการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก
ด้าน นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มองว่าจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไข แต่ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ตอบโจทย์ และเป็นไปได้ยากที่โครงการนี้จะยั่งยืน สิ่งที่อยากเห็นคือ การนำเงินส่วนนี้ไปช่วยในกำลังผลิต เช่นแหล่งน้ำ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ทุกหมู่บ้าน และมองว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังจะทำผิดกฎหมายหลายอย่าง พร้อมขอให้ฟังสำนักงบประมาณในการของบฯ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการขาดดุล และผิดวินัยการเงินการคลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย

ภาพประกอบไม่เกี่ยข้องกับข้อมูล
โดยระหว่างนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป็นหนึ่งในนโยบายหายเสียงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเป้าหมายแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ภายใต้งบประมาณกว่า 500,000 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกันก็มีนักวิชาการและคณาจารย์ ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกเพราะมองว่าได้ประโยชน์ไม่คุ้มทุน และเป็นการสร้างบรรทัดฐานการจ่ายเงินระยะสั้น ไม่คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ดังนั้น สว. จึงได้เชิญทุกฝ่ายมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อระดมข้อเสนอจัดทำเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป
ทั้งนี้ เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะใช้เงินจากงบประมาณไม่ถึง 500,000 ล้านบาท โดยผ่านการอนุมัติจากสภา แต่งบประมาณจะมีความล่าช้า ไม่น่าจะทันเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แต่จะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนกันยายน 2567 แทน
ขณะเดียวกันน่าจะมีเร่งดำเนินการงบประมาณปี 2568 ไปด้วย เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน
ส่วนเงื่อนไขที่จะใช้เงินได้ในระยะ 4 กิโลเมตรนั้น คงไม่มีแล้ว แต่จะให้อยู่ในอำเภอหรือเขตเดียวกัน เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง
วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่กรอบหมดแล้ว ไม่สามารถจะกู้เพิ่ม รายได้ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงจำเป็น แต่โครงการนี้ก็จะต้องควบคู่ไปกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการทางเศรษฐกิจที่ต้องทำให้มองเห็น เป็นโจทย์ยากที่รัฐบาลต้องทำให้สอดคล้องกันให้ได้
ทั้งนี้ นายพิชัย ชี้ว่าการแจกเงินดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อบังคับให้มีการใช้จ่าย ส่วนคนที่จะมาขึ้นเงินก็ต้องลงทะเบียนและเสียภาษีด้วย แต่การแจกเงินอาจจะได้ไม่พร้อมกัน และอาจจะได้เงินในช่วงที่มีวันหยุด เช่น ปีใหม่ หรือสงกรานต์ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเชื่อว่า 90% น่าจะกลับไปใช้แอปฯ เป๋าตัง เนื่องจากมองว่าการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก
ด้าน นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มองว่าจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไข แต่ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ตอบโจทย์ และเป็นไปได้ยากที่โครงการนี้จะยั่งยืน สิ่งที่อยากเห็นคือ การนำเงินส่วนนี้ไปช่วยในกำลังผลิต เช่นแหล่งน้ำ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ทุกหมู่บ้าน และมองว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังจะทำผิดกฎหมายหลายอย่าง พร้อมขอให้ฟังสำนักงบประมาณในการของบฯ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการขาดดุล และผิดวินัยการเงินการคลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย