เรื่องควรรู้ก่อนกู้บ้าน...วางแผนให้ดี มรดกหนี้ไม่ตกที่ลูกหลาน

          เมื่อคนกู้บ้านเสียชีวิตในขณะที่ยังผ่อนไม่หมด ทายาทต้องทำอย่างไร หรือจะมีวิธีไหนที่ช่วยปลดหนี้บ้านได้โดยไม่ต้องผ่อนต่อ อยากรู้ตามมาอ่านกัน  
          "บ้าน" คือ สินทรัพย์ที่มีระยะเวลาในการผ่อนนานหลายสิบปี ซึ่งคงไม่มีใครล่วงรู้อนาคตได้ว่า ในอีก 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปีข้างหน้า ผู้ซื้อจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แล้วเคยนึกสงสัยไหมคะว่าหากอยู่ ๆ คนที่กู้บ้านเสียชีวิตอย่างกะทันหันทั้งที่ยังผ่อนบ้านอยู่ ทายาทจะจัดการกับบ้านหลังนี้อย่างไร หรือถ้าเรากำลังยื่นขอสินเชื่อซื้อบ้าน จะมีวิธีป้องกันความเสี่ยงไม่ให้ภาระหนี้สินตกถึงลูก ๆ หลาน ๆ ได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ คือเรื่องสำคัญที่ควรจัดการวางแผนให้ดี
ทำอย่างไร เมื่อผู้กู้บ้านเสียชีวิต ?
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA

          ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า เมื่อผู้กู้บ้านเสียชีวิตลง ทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดจะตกทอดสู่ทายาทโดยชอบธรรมตามลำดับ เช่น พ่อแม่เป็นผู้กู้บ้าน ลูกก็คือทายาทที่ต้องรับผิดชอบทรัพย์สินและหนี้สินก้อนนี้ หรือกรณีผู้เสียชีวิตทำพินัยกรรมไว้ มรดกก็จะตกทอดสู่ทายาทตามพินัยกรรม ซึ่งทายาทต้องไปติดต่อกับธนาคารเพื่อจัดการมรดก โดยมีอยู่ 2 ทางเลือก คือ

1. ปฏิเสธไม่รับทรัพย์สิน

          ในกรณีที่ทายาทปฏิเสธไม่รับทรัพย์สิน ไม่ว่าด้วยกรณีไม่สามารถผ่อนชำระได้หรือไม่ต้องการบ้านดังกล่าว สถาบันการเงินในฐานะเจ้าหนี้ จะทำการยึดทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาดและนำเงินที่ได้จากการขายมาชำระหนี้บ้านต่อไป แต่ในการขายทอดตลาดโดยส่วนใหญ่มักได้ราคาที่ต่ำกว่ายอดหนี้ จึงทำให้ธนาคารต้องบังคับชำระหนี้กับทรัพย์สินอื่นที่ตกทอดเป็นมรดกในส่วนที่เหลือต่อไป 

2. รับทรัพย์สินแล้วผ่อนต่อ

          สำหรับทายาทที่ต้องการบ้านหลังนี้จะต้องรับสภาพหนี้และเข้ามาทำสัญญากับธนาคารใหม่อีกครั้ง ซึ่งธนาคารจะประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของทายาทกับยอดหนี้คงเหลือว่าจะปล่อยสินเชื่อให้ได้หรือไม่ ถ้ากู้ผ่าน ทายาทก็จะเป็นคนจ่ายเงินงวดผ่อนต่อจนกว่าจะครบสัญญา แต่กรณีที่กู้ไม่ผ่าน เนื่องจากไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ธนาคารก็จำเป็นต้องนำบ้านไปขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ต่อไป

          อย่างไรก็ตาม ทายาทอาจไม่ต้องปวดหัวกับการหาเงินมาผ่อนบ้านเลยก็ได้ หากผู้เสียชีวิตได้ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (Mortgage Reducing Term Assurance : MRTA) เอาไว้ด้วย

ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน...ลูกหลานไม่ต้องรับภาระ
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA

          ในการขอสินเชื่อบ้าน ธนาคารอาจแนะนำให้ผู้กู้ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) ซึ่งหลายคนคิดว่าไม่จำเป็น เพราะมองว่าตัวเองอายุยังน้อย ไม่คุ้มกับการจ่ายเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูง แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากผู้กู้เสียชีวิตในระหว่างที่ผ่อนบ้านอยู่ ประกันตัวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนทันที เนื่องจากจะช่วยชำระหนี้บ้านให้ตามจำนวนเงินทุนประกัน ยกตัวอย่างเช่น

          ● คนที่ 1 มีหนี้บ้านอยู่ 1,200,000 บาท ทำประกัน MRTA โดยมีวงเงินคุ้มครองเหลือ 1,000,000 บาท เมื่อเสียชีวิต ประกันจะชำระหนี้บ้านให้ 1,000,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 200,000 บาท ทายาทจะเป็นผู้ผ่อนต่อ ซึ่งมีโอกาสขอสินเชื่อผ่านง่ายขึ้น เนื่องจากจำนวนหนี้สินเหลือน้อยลง* 

          ● คนที่ 2 มีหนี้บ้านอยู่ 900,000 บาท ทำประกัน MRTA โดยมีวงเงินคุ้มครองเหลือ 1,000,000 บาท เมื่อเสียชีวิตกะทันหัน ประกันจะชำระเงินกู้บ้านให้ทั้งหมด และเงินผลประโยชน์ส่วนที่เหลืออีก 100,000 บาท จะจ่ายให้ทายาทตามลำดับ*

          ● คนที่ 3 กู้ซื้อบ้าน 3,000,000 บาท และทำประกัน MRTA ครอบคลุมยอดสินเชื่อทั้งหมด 3,000,000 บาท ถ้าจากไปก่อนวัยอันควร พ่อแม่ สามี-ภรรยา หรือลูกหลาน ก็จะได้บ้านหลังนี้เป็นมรดกทันที โดยไม่ต้องผ่อนอีกเลย*

          (*) ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์

          ดังนั้น คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว หรือคนที่ต้องผ่อนบ้านในระยะยาว จึงควรพิจารณาเรื่องประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านไว้บ้าง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับคนที่อยู่ข้างหลังค่ะ

คุ้มนิรันดร์ พลัส…ประกัน MRTA จาก ธอส. 
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA

          โปรโมชั่นสินเชื่อบ้านหลายผลิตภัณฑ์ อาจมีทางเลือกให้ผู้กู้ทำประกัน MRTA ร่วมด้วย เพื่อรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ แต่สำหรับสินเชื่อบ้านของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะไม่ได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้กู้ต้องทำประกันส่วนนี้ เราจึงสามารถเลือกได้ตามความสมัครใจเลยว่าจะทำประกันหรือไม่ โดยที่ยังได้รับดอกเบี้ยโปรโมชั่นไม่ต่างกัน 

          ส่วนคนที่ต้องการความอุ่นใจเพื่อวันข้างหน้า ทาง ธอส. ก็มี ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อโครงการ "คุ้มนิรันดร์ พลัส" ที่จะคุ้มครองในยามที่เราเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รวมทั้งเพิ่มความคุ้มครองการสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเนื่องจากอุบัติเหตุ โดยมีเงื่อนไขการสมัครทำประกัน ดังนี้ค่ะ

          ● เป็นลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. ที่มีระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และมีวงเงินกู้ หรือวงเงินกู้คงเหลือ ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป
          ● อายุรับประกันภัยตั้งแต่ 18-70 ปีบริบูรณ์ (รวมกับระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 75 ปี)
          ● มีระยะเวลาเอาประกันภัย ตั้งแต่ 5 ปี สูงสุดไม่เกิน 30 ปี
          ● จำนวนเงินเอาประกันภัยสูงสุดไม่เกินวงเงินกู้
          ● สามารถสมัครทำประกันภัยได้ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม
          ● อัตราเบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ ระยะเวลาเอาประกันภัย และจำนวนเงินเอาประกันภัย
          ● ชำระเบี้ยประกันภัยเพียงครั้งเดียว หรือสามารถกู้เพิ่มเพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) ได้

          ข้อดีของการทำประกันโครงการคุ้มนิรันดร์ พลัส ก็คือ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันจนทำให้เราทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือเสียชีวิตในระหว่างที่ผ่อนบ้าน ทายาทหรือผู้กู้ร่วมจะไม่ต้องรับภาระหนี้สินค้างชำระส่วนนี้ และในกรณีที่เราผ่อนบ้านหมดเร็ว คือปิดบัญชีเงินกู้ก่อนกำหนด ก็ยังสามารถคงความคุ้มครองประกันชีวิตไว้เป็นมรดกให้ครอบครัวได้เหมือนเดิม หรือจะขอใช้สิทธิเวนคืนกรมธรรม์ก็ได้เช่นกัน

          จะเห็นว่าการทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อถือเป็นการเตรียมแผนสำรองที่เราควรศึกษาไว้หน่อยเมื่อจะขอสินเชื่อบ้าน อย่างน้อย ๆ ก็หมดห่วงว่าคนข้างหลังจะต้องแบกหนี้ก้อนนี้ในยามที่เราจากไป ซึ่งถ้าใครกำลังจะขอสินเชื่อบ้าน ธอส. และต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการคุ้มนิรันดร์ พลัส ก็สามารถสอบถามข้อมูลที่ ธอส. ทุกสาขา ทั่วประเทศ ได้เลยค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Inbox : m.me/GHBank 
G H Bank Call Center โทร. 0-2645-9000 
www.ghbank.co.th  
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เรื่องควรรู้ก่อนกู้บ้าน...วางแผนให้ดี มรดกหนี้ไม่ตกที่ลูกหลาน อัปเดตล่าสุด 18 มีนาคม 2565 เวลา 14:53:17 9,207 อ่าน
TOP
x close