จากกรณีปัญหาความเข้าใจระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ที่มีการรักษาพยาบาลและเกิดข้อพิพาทหลายครั้งจนเป็นคดีความตามที่มีข่าวมาตลอด แต่หลายครั้งก็มีการเจรจาตกลงกันได้ผ่านการช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีกองทุนช่วยเหลือเบื้องต้น แบ่งเป็น เสียชีวิต ทุพพลภาพ บาดเจ็บจากการบริการสาธารณสุข ซึ่งครอบคลุมให้แก่ผู้ป่วยบัตรทอง 48 ล้านคน ยกเว้นสิทธิประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ และล่าสุด สำนักงานประกันสังคม ได้ให้สิทธิผู้ประกันตนกว่า 13 ล้านคน เหลือเพียงข้าราชการกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ยังไม่มี
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สนช. ได้ผลักดันในการแก้ พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2558 มีผลบังคับใช้ใน 120 วัน โดยแก้ไขในมาตรา 53 ให้เป็นค่าใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตนในกรณีที่ผู้ประกันตนได้รับความเสียหาย จากการรับบริการทางการแพทย์ เมื่อสํานักงานได้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตนไปแล้ว ให้สํานักงานมีสิทธิ์ไล่เบี้ยแก่ผู้กระทําผิดได้
ด้าน นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เห็นชอบกรรมการการแพทย์ในเรื่องหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ ซึ่ง นพ.ชาตรี บานชื่น ประธานกรรมการการแพทย์ ได้ลงนามเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 ได้บังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558 ผู้ป่วยประกันสังคมที่ได้รับความเสียหายทางการแพทย์ในช่วงเวลาดังกล่าว และยังไม่สามารถเจรจาไกล่เกลี่ยหรือยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นใด ๆ จะสามารถใช้สิทธิตามประกาศนี้ได้ เรียกว่ามีผลย้อนหลังให้นั่นเอง โดยหลักเกณฑ์จะใช้ยึดตามมาตรา 41 ของบัตรทอง เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่น โดยอัตราการช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีเสียชีวิตตั้งแต่ 240,000-400,000 บาท สูญเสียอวัยวะจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 100,000-240,000 บาท และบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่องไม่เกิน 100,000 บาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก