เปิดรายละเอียดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2563 ใครมีสิทธิ์บ้าง เปิดลงทะเบียนที่ไหน เมื่อไหร่ รีบตรวจสอบเงื่อนไขด่วน ๆ
ใครบ้างมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
1. สัญชาติไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามทะเบียนบ้าน
2. อายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
3. ต้องไม่เคยได้รับสิทธิ์ประโยชน์จากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ
ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ รวมถึงเงินอื่น ๆ
ในลักษณะเดียวกัน เช่น
ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ
หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐจัดให้เป็นประจำ
เบี้ยผู้สูงอายุ 2563 ใครสามารถลงทะเบียนได้บ้าง
เบี้ยผู้สูงอายุ 2563 ใครสามารถลงทะเบียนได้บ้าง
สำหรับการลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปี 2563 จะเป็นการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับเงินในปีงบประมาณ 2564 (คือเดือนตุลาคม 2563-กันยายน 2564) ดังนั้น ผู้ที่ลงทะเบียนในปี 2563 จะยังไม่ได้รับเงินในทันที เพราะจะได้รับเงินตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ผู้ที่สามารถลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพในปี 2563 ได้ คือ
1. ผู้ที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาก่อน
2. ผู้ที่จะมีอายุครบ 60 ปี ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งนับอายุจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2564 ดังนั้นต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2504 จึงจะมีสิทธิ์ลงทะเบียนล่วงหน้าในปี 2563 เพื่อรอรับเงินในปีงบประมาณ 2564 (สำหรับผู้สูงอายุที่ทะเบียนราษฎรระบุเฉพาะปีเกิด แต่ไม่ทราบวันเกิด/เดือนเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม ของปีนั้น ๆ)
ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2563 ได้ที่ไหน อย่างไร
ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนด หากอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นยื่นแทน ได้ที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ส่วนต่างจังหวัดยื่นได้ที่สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
สำหรับในปี 2563 เปิดให้ผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนได้ใน 2 ช่วงเวลา ดังนี้
1. ลงทะเบียนเดือนมกราคม-กันยายน 2563 สำหรับผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2504
หากลงทะเบียนแล้วจะได้รับเงินเมื่ออายุครบ 60 ปี คือ
- ผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีก่อนเดือนตุลาคม 2563 จะได้รับเงินตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป
- ผู้ที่เกิดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2503 จะได้รับเงินในเดือนถัดไปที่มีอายุครบ 60 ปี เช่น เกิดวันที่ 12 ตุลาคม 2503 จะได้รับเงินตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 หรือหากเกิดในเดือนสิงหาคม 2504 ก็จะได้รับเงินตั้งแต่เดือนกันยายน 2564
2. ลงทะเบียนเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2563 เป็นการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับเงินในปีงบประมาณ 2565
โดยผู้ที่ลงทะเบียนรอบนี้จะได้รับเงินในเดือนตุลาคม 2564 (ปีงบประมาณ 2565)
หลักฐานในการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
1. บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย
2. ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
3. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารตัวจริง ประเภทออมทรัพย์ พร้อมสำเนา 1 ฉบับ แต่หากผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นมายื่นคำขอรับเงินแทนได้ โดยต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ อย่างละ 1 ฉบับ
3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ อย่างละ 1 ฉบับ ทั้งนี้ สำเนาทุกฉบับต้องลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง
เคยลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพแล้ว ปีถัดไปต้องไปลงอีกไหม
การลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องไปลงทะเบียนใหม่ทุกปี ลงเพียงครั้งเดียวก็ได้รับสิทธิ์ไปตลอด เว้นแต่กรณีที่ผู้สูงอายุย้ายที่อยู่ หรืออาจมีปัญหารายชื่อตกหล่น ถึงค่อยไปทำการยืนยันสิทธิ์ แก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้สมบูรณ์
กรณีย้ายที่อยู่ ต้องลงทะเบียนใหม่อย่างไร
หากผู้สูงอายุย้ายภูมิลำเนาจะต้องไปลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุใหม่ในพื้นที่ใหม่ที่เราพักอาศัย ตั้งแต่วันที่ย้ายเข้า แต่ต้องไม่เกินเดือนพฤศจิกายนของปีนั้น
โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งเดิมยังคงจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถึงเดือนกันยายนของปีงบประมาณที่ย้ายภูมิลำเนา และหลังจากนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใหม่จะจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อเนื่องในเดือนตุลาคมปีงบประมาณถัดไป
โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งเดิมยังคงจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถึงเดือนกันยายนของปีงบประมาณที่ย้ายภูมิลำเนา และหลังจากนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใหม่จะจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อเนื่องในเดือนตุลาคมปีงบประมาณถัดไป
การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต โดยเป็นอัตราเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดตามช่วงอายุ ดังนี้
- อายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท/เดือน
- อายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาท/เดือน
- อายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาท/เดือน
- อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 1,000 บาท/เดือน
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รับเงินได้ทางไหนบ้าง
ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป กรมบัญชีกลางจะจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้าบัญชีเงินฝากของผู้มีสิทธิ์โดยตรง ซึ่งจะจ่ายให้ทุกวันที่ 10 ในแต่ละเดือน หากเดือนใดวันที่ 10 ตรงกับวันหยุดราชการ จะจ่ายในวันทำการ ก่อนวันหยุดนั้น ๆ
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2563 เงินเข้าบัญชีวันไหนบ้าง
สำหรับผู้ที่จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปีงบประมาณ 2563 นั้น จะต้องเคยลงทะเบียนก่อนปี 2562 ไว้แล้ว ซึ่งจะได้รับเงินตามปฏิทินการจ่ายเงินดังนี้
ส่วนในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2563 นั้น ทางกรมบัญชีกลางยังไม่ประกาศปฏิทินออกมา แต่หากยึดจากหลักเกณฑ์ที่จะจ่ายเงินเข้าบัญชีทุกวันที่ 10 ของเดือน และหากตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ จะจ่ายเข้าบัญชีล่วงหน้าก่อนวันหยุด เท่ากับว่า กรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินอุดหนุนบุตร ดังนี้
- เดือนตุลาคม 2563 จ่ายเงินวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2563
- เดือนพฤศจิกายน 2563 จ่ายเงินวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2563
- เดือนธันวาคม 2563 จ่ายเงินวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563
- เดือนตุลาคม 2563 จ่ายเงินวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2563
- เดือนพฤศจิกายน 2563 จ่ายเงินวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2563
- เดือนธันวาคม 2563 จ่ายเงินวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563
สำหรับผู้สูงอายุท่านใดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และมีความประสงค์จะรับสวัสดิการเบี้ยยังชีพ ก็อย่าลืมไปขึ้นทะเบียนกันให้เรียบร้อยกันได้เลย ส่วนใครที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร (สำนักงานสวัสดิการสังคม โทร. 0 2245 5166 โทรสาร 0 2245 5166) หรือ เฟซบุ๊ก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
*อัปเดคข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก
คมชัดลึก, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย, เฟซบุ๊ก Suttipong Juljarern, สำนักงานเขตคลองสามวา, สำนักงานเขตคลองสามวา, เฟซบุ๊ก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์