การทำประกันชีวิตจะเกิดประโยชน์คุ้มค่า หากเลือกรูปแบบประกันได้เหมาะกับตัวเอง
ปัจจุบันคนไทยยังทำประกันชีวิตกันน้อย หรือเรียกได้ว่าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงจากการไม่มีประกันชีวิตคุ้มครอง ซึ่งอาจเกิดจากหลายเหตุผล เช่น ยังไม่เห็นความสำคัญ รายจ่ายเยอะ ไม่มีเงินจ่ายค่าเบี้ยประกัน หรือยังไม่อยากมีภาระเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิตก็มีความสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ เพราะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แล้วประกันชีวิตแบบไหนที่เหมาะกับเรา K-Expert มีคำแนะนำมาฝาก
ปัจจุบันคนไทยยังทำประกันชีวิตกันน้อย หรือเรียกได้ว่าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงจากการไม่มีประกันชีวิตคุ้มครอง ซึ่งอาจเกิดจากหลายเหตุผล เช่น ยังไม่เห็นความสำคัญ รายจ่ายเยอะ ไม่มีเงินจ่ายค่าเบี้ยประกัน หรือยังไม่อยากมีภาระเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิตก็มีความสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ เพราะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แล้วประกันชีวิตแบบไหนที่เหมาะกับเรา K-Expert มีคำแนะนำมาฝาก
เนื่องจากประกันชีวิตมีหลายรูปแบบ แต่ละแบบก็มีข้อดีต่างกัน หากทำโดยไม่ได้พิจารณาให้ดีก่อน อาจไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำประกันชีวิต เช่น หากอยากทำประกันเพื่อคุ้มครองครอบครัว ควรเลือกทำประกันแบบตลอดชีพ เพราะค่าเบี้ยไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับทุนประกันหรือความคุ้มครองที่ได้รับ แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ให้มีความคุ้มครองเท่าประกันชีวิตแบบตลอดชีพ จะมีภาระเบี้ยสูงขึ้นหลายเท่า หรืออาจต้องลดความคุ้มครองลงมา ทำให้การทำประกันไม่บรรลุวัตถุประสงค์ได้เต็มที่ ดังนั้น จึงควรเลือกรูปแบบประกันชีวิตให้เหมาะสมกับความต้องการของเรา
ก่อนจะเลือกแบบประกันชีวิตได้นั้น ควรศึกษาก่อนว่าประกันชีวิตแต่ละแบบมีลักษณะอย่างไร ดังนี้
- แบบชั่วระยะเวลา เป็นประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง ซึ่งเรามักเจอประกันรูปแบบนี้ในลักษณะของประกันคุ้มครองหนี้สิน เช่น หนี้สินเชื่อบ้าน โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากมีชีวิตอยู่เลยจากระยะเวลาที่กำหนด ก็จะไม่ได้รับเงินคืน
- แบบตลอดชีพ เป็นประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองเป็นหลัก มีเบี้ยไม่สูงนัก โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิต หรือเมื่อผู้ทำประกันมีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด เช่น 80, 90 หรือ 99 ปี
- แบบสะสมทรัพย์ เป็นประกันชีวิตที่คนไทยคุ้นเคย และนิยมทำมากที่สุด โดยกำหนดระยะเวลาที่จะได้รับเงินคืน เช่น 10 ปี 15 ปี 25 ปี ซึ่งประกันรูปแบบนี้จะเน้นเรื่องการได้รับเงินคืนมากกว่าเน้นความคุ้มครอง
- แบบบำนาญ เป็นประกันชีวิตที่บริษัทจะเริ่มจ่ายเงินเมื่อผู้ทำประกันมีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด และจ่ายนานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนงวดหรืออายุผู้ทำประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น เริ่มจ่ายเงินทุกปีเมื่อผู้ทำประกันมีอายุครบ 55 ปี และจ่ายจนถึงอายุ 85 ปี
นอกจากนี้ ยังมีประกันชีวิต แบบควบการลงทุน ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบประกันคือ
แบบที่ 1 ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) คือ ประกันชีวิตที่แยกส่วนความคุ้มครอง และส่วนการลงทุนอย่างชัดเจน โดยผู้ทำประกันจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ไม่น้อยกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำที่บริษัทได้รับรองไว้
แบบที่ 2 ยูนิตลิงค์ (Unit linked) โดยเบี้ยประกันจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 สำหรับความคุ้มครองตามที่กำหนดในกรมธรรม์ ส่วนที่เหลือสำหรับการลงทุน โดยบริษัทประกันจะนำเบี้ยส่วนนี้ไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่ผู้ทำประกันเลือกไว้ ซึ่งไม่ได้มีการรับประกันผลตอบแทนจากเงินลงทุนในส่วนนี้
เลือกประกันชีวิตอย่างไรที่ใช่กับเรา
เมื่อรู้แล้วว่าประกันมีแบบไหนบ้าง ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า ต้องการทำประกันชีวิตเพื่ออะไร เช่น คุ้มครองครอบครัวหรือมีมรดกทิ้งไว้ให้ลูกหลาน เป็นทุนการศึกษาของลูก หรือสะสมเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ เพราะการทำประกันชีวิตจะเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อเราเลือกแบบประกันได้เหมาะสมกับความต้องการในการทำประกันนั่นเอง
ผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว หรือมีผู้ในอุปการะที่ต้องดูแล ควรสร้างหลักประกันความมั่นคงให้คนที่อยู่ข้างหลัง จะเหมาะกับประกันชีวิตแบบตลอดชีพ เพราะบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิต ซึ่งทุนประกันที่แนะนำคือ อย่างน้อย 3 เท่าของรายได้ต่อปี เพื่อให้มั่นใจว่า วันที่เราจากไป ครอบครัวหรือคนที่เรารักจะมีเวลาตั้งหลักและใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่เดือดร้อน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการวางแผนการศึกษาของลูก ควรทำประกันแบบที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีเงินสำหรับการศึกษาของลูกตามที่ตั้งใจไว้ นั่นคือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ โดยเลือกระยะเวลาที่จะได้รับเงินคืนจากประกันให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะใช้เงินเพื่อเป็นค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายในการศึกษาของลูก
ส่วนผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ ประกันชีวิตที่ตอบโจทย์คือ แบบบำนาญ และแบบสะสมทรัพย์ โดยประกันชีวิตแบบบำนาญจะเหมาะกับผู้ที่อยากได้รับเงินเป็นรายงวด มีเงินเข้ามาให้ใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะเหมาะกับผู้ที่อยากได้รับเงินก้อน แล้วสามารถบริหารจัดการเงินก้อนนี้สำหรับใช้จ่ายในอนาคตด้วยตัวเอง โดยเลือกระยะเวลาที่จะได้รับเงินก้อนเมื่อครบสัญญาให้ใกล้เคียงกับช่วงอายุเกษียณที่เราวางแผนไว้ เช่น วางแผนเกษียณในอีก 25 ปี ก็เลือกประกันแบบสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองหรือได้รับเงินก้อนคืนในอีก 25 ปีข้างหน้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิต พร้อมรับผลตอบแทนจากเงินหรือเบี้ยประกันที่จ่ายไปด้วยนั้น ประกันชีวิตแบบควบการลงทุนถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะได้รับทั้งความคุ้มครองชีวิตและได้ลงทุนพร้อม ๆ กัน โดยถ้าต้องการรู้ผลตอบแทนขั้นต่ำที่จะได้รับจะเหมาะกับแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ แต่ถ้าคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยรับความเสี่ยงหรือโอกาสขาดทุนได้ ประกันชีวิตแบบยูนิตลิงค์ก็จะตอบโจทย์ความต้องการมากกว่า
K-Expert Action
• เลือกแบบประกันชีวิตให้เหมาะกับความต้องการและจุดประสงค์ในการทำประกัน
• ทำทุนประกันให้เพียงพอ และคำนึงถึงความสามารถในการชำระเบี้ยประกันตลอดสัญญา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก