ซื้อบ้าน VS ซื้อรถ ซื้ออะไรก่อนดี ?

ซื้อบ้าน ซื้อรถ

          ก่อนตัดสินใจซื้ออะไร ต้องคิดไว้ว่าภาระผ่อนหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ เพื่อจะได้ไม่มีภาระหนี้ที่สูงเกินไป
 
ซื้อบ้าน ซื้อรถ

          รถก็อยากมี บ้านก็อยากได้ ... แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่อย่างบ้านหรือรถได้พร้อม ๆ กัน ยิ่งเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานด้วยแล้ว อาจจะต้องจัดลำดับความสำคัญกันสักหน่อยว่าจะซื้อบ้านหรือรถก่อนดี ซึ่ง K-Expert แนะนำว่าควรดูที่ความจำเป็นเป็นหลัก อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ตัดสินว่า เห็นเพื่อนมีรถ มีคอนโดฯ แล้วก็อยากมีบ้าง เพราะบางทีแล้ว รถที่เพื่อนขับ คอนโดฯ ที่เพื่อนอยู่ อาจไม่ได้เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งหมด แต่อาจมีครอบครัวซื้อให้ หรือช่วยออกเงินบางส่วนก็ได้

ซื้อบ้าน ซื้อรถ

          ดังนั้น ทางที่ดีจึงไม่ควรรีบร้อนตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง อย่างบ้าน หรือรถ ที่ทำให้ตัวเราต้องเป็นหนี้ไปอีกหลายปี มาดูก่อนว่า ตัวเราเองจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเป็นหนี้ก้อนใหญ่ถึงหลักแสนหลักล้าน
 
          สำหรับคนที่ต้องเช่าบ้านหรือคอนโดฯ อยู่ แล้ววางแผนทำงานใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ อีกนาน การซื้อบ้านหรือคอนโดฯ เป็นของตัวเองก็ดูจำเป็น เพราะเงินที่จ่ายเป็นค่าเช่าบ้านหรือคอนโดฯ สามารถผันมาเป็นค่าผ่อนรายเดือนที่ทำให้เรามีทรัพย์สินเป็นของตัวเองในอนาคต และโดยทั่วไปแล้ว มูลค่าบ้านและคอนโดฯ มักปรับเพิ่มขึ้น หากอนาคตไม่ได้อยู่บ้านหรือคอนโดฯ นี้แล้ว ก็สามารถขายบ้านหรือคอนโดฯ นี้ได้ หรือหากคอนโดฯ อยู่ในทำเลดี ก็สามารถปล่อยเช่าสร้างรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง 

          แต่สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกับครอบครัว แต่บ้านไกลจากที่ทำงานมาก เดินทางด้วยรถสาธารณะไม่สะดวก หรือต้องโดยสารรถหลายต่อกว่าจะถึงที่ทำงาน การซื้อรถก็อาจเหมาะกว่า เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก หรือช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางมากขึ้น หรือถ้าเป็นผู้หญิง แล้วต้องเดินเข้าซอยเวลากลับบ้านช่วงเย็นหรือกลางคืน การซื้อรถขับก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางมากขึ้น

          จะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้ว ไม่มีคำตอบตายตัวว่า คนเราควรซื้อบ้านก่อนรถ หรือซื้อรถก่อนบ้าน เพราะความจำเป็นของคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้น คนที่จะรู้ว่าควรซื้อบ้านหรือรถก่อน ก็คือตัวเรานั่นเอง แต่ไม่ว่าจะตัดสินใจซื้อบ้าน หรือซื้อรถ สิ่งสำคัญคือต้องมั่นใจว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้หรือไม่

ซื้อบ้าน ซื้อรถ

          โดยทั่วไป การขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน ภาระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 40-60% ของรายได้ ซึ่งสัดส่วนภาระหนี้ที่สามารถมีได้นั้น ขึ้นอยู่กับรายได้ต่อเดือน ยิ่งรายได้สูง ก็สามารถมีสัดส่วนหนี้ต่อเดือนได้สูง ทั้งนี้ K-Expert แนะนำว่า ภาระผ่อนหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ เพราะถ้ามีสัดส่วนหนี้ต่อเดือนที่สูงเกินไป อาจสร้างปัญหาการเงินตามมาในอนาคตได้ รวมถึงเมื่อซื้อบ้าน หรือซื้อรถแล้ว นอกจากค่าผ่อนที่ต้องจ่ายทุกเดือน ยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมาทำให้เราต้องกันเงินไว้อีกส่วนหนึ่งด้วย อย่างบ้าน จะมีค่าประกัน ค่าส่วนกลาง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าตกแต่งซ่อมแซมห้อง หรือรถ ก็จะมีค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าพ.ร.บ. ค่าประกัน ค่าที่จอดรถ ค่าซ่อมแซมรถ

          ยกตัวอย่างเช่น ตัดสินใจเลือกซื้อบ้านก่อน หากรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 30,000 บาท โดยเลือกว่าจะผ่อนหนี้แต่ละเดือนไม่เกิน 30% เท่ากับว่าสามารถผ่อนได้เท่ากับ 30% x 30,000 = 9,000 บาท (คิดเป็นวงเงินสินเชื่อที่ขอได้จะประมาณ 1.0-1.2 ล้านบาท) เมื่อรวมค่าใช้จ่ายหลัก ๆ อย่างค่าส่วนกลางเดือนละ 1,000 บาท ค่าน้ำไฟอีก 1,000 บาท รวมแล้วเดือนๆ หนึ่งก็ตกประมาณ 11,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนก็เกือบ ๆ 40% ของรายได้ต่อเดือนแล้ว

          แต่หากเลือกซื้อรถก่อน รถราคาประมาณ 6 แสนบาท ผ่อน 5 ปี จะผ่อนประมาณเดือนละ 11,000-12,000 บาท ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่ตามมาแน่ ๆ คือ ค่าน้ำมัน ถ้าไม่ได้ใช้รถมากมายอะไร หลัก ๆ ใช้ขับรถไปกลับบ้านและที่ทำงาน จะอยู่ที่เดือนละ 3,000-4,000 บาท รวมแล้วจะมีค่าใช้จ่ายจากการซื้อรถเดือนละ 14,000-16,000 บาท

ซื้อบ้าน ซื้อรถ
 
พร้อมดาวน์แค่ไหน

          โดยทั่วไป การขอสินเชื่อบ้านหรือรถ จากธนาคารหรือสถาบันการเงิน จะกำหนดวงเงินกู้สูงสุดไว้ เช่น บ้านสามารถกู้ได้สูงสุด 80-95% ของราคาบ้าน หรือรถสามารถกู้ได้สูงสุด 75-85% ของราคารถ ทำให้ต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้อีกก้อนหนึ่ง ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ต้องสำรวจความพร้อมเรื่องเงินดาวน์เสียก่อน

          สมมติ ซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาท ควรมีเงินดาวน์สัก 4 แสนบาท ถ้าวางแผนว่าจะซื้อบ้านในอีก 2 ปีข้างหน้า เท่ากับว่า ควรออมเงินเดือนละ 16,000-17,000 บาท แต่หากเงินที่ต้องออมต่อเดือนสูงเกินกำลังความสามารถในการออม ก็อาจต้องเลื่อนเป้าหมายการขอสินเชื่อออกไปก่อน เช่น เลื่อนการกู้บ้านจาก 2 ปี เป็น 3 ปี เพื่อให้มีเวลาเก็บออมเงินดาวน์นานขึ้น หรือลดขนาดเป้าหมายลง เช่น ซื้อบ้านหลังเล็กลงมาหน่อยจาก 2 ล้านบาทเหลือ 1.5 ล้านบาท เพื่อให้จำนวนเงินออมต่อเดือนลดลงอยู่ในความสามารถที่ออมได้ หรืออีกวิธีหนึ่งคือ เลือกบ้านหรือคอนโดฯ ที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งเราสามารถผ่อนดาวน์ในช่วงนี้ได้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่

          ทั้งนี้ ในบางช่วง ธนาคารหรือสถาบันการเงินมีการออกแคมเปญหรือโปรโมชั่นให้ดาวน์น้อย ๆ หรือไม่ต้องวางเงินดาวน์เลย ก็ยื่นกู้ได้ เรียกว่าเป็นทางเลือกให้กับหลาย ๆ คนที่อยากมีบ้าน หรือมีรถเป็นของตัวเอง แต่แนะนำว่า ถ้าสามารถวางเงินดาวน์ได้มาก ก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้ขอวงเงินสินเชื่อน้อยลง ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็น้อยลง และที่สำคัญหมดหนี้ได้เร็วขึ้นด้วย

          ก่อนตัดสินใจซื้อทรัพย์สินอย่างบ้าน หรือรถให้กับตัวเอง สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก คือ ความจำเป็น รวมไปถึงความพร้อม เพราะการซื้อบ้านสักหลังหรือรถสักคัน มีข้อผูกมัดที่ต้องผ่อนชำระหนี้เป็นเวลาหลายปี จึงต้องคิดให้รอบคอบว่า เงินดาวน์พอไหม และผ่อนไหวแค่ไหน เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาการเงินตามมาในอนาคต  

K-Expert Action

          • พิจารณาให้รอบด้านถึงความจำเป็น และความพร้อมทางการเงิน ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือรถ
          • เตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังจากซื้อบ้าน ซื้อรถ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ซื้อบ้าน VS ซื้อรถ ซื้ออะไรก่อนดี ? อัปเดตล่าสุด 19 เมษายน 2560 เวลา 18:07:22 34,508 อ่าน
TOP
x close