หยุดพฤติกรรมใช้เงินแบบผิด ๆ กันสักที ไม่อย่างนั้นพอเข้าวัย 30+ แล้วอาจถังแตกเพราะเหตุผลเหล่านี้ก็ได้ !

1. หาฤกษ์เก็บเงินไม่ได้สักที
ใครที่คิดว่าเรื่องเก็บเงินให้เป็นเรื่องของอนาคตไปก่อน คุณใจเย็นไปหรือเปล่าคะ เพราะแม้ตอนนี้เรายังไม่สูงอายุ ยังมีเรี่ยวแรงจะปั่นเงินและเที่ยวสนุกไปได้ทุกที่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าพละกำลังในการหาเงินเราจะคงที่อยู่อย่างนี้สักหน่อย แล้วไหนจะปัจจัยใช้เงินอื่น ๆ อย่างค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน และความจำเป็นในการใช้เงินต่าง ๆ อีกมหาศาล ถ้าไม่เริ่มต้นเก็บเงินในวันนี้แล้วจะเอาเงินตรงไหนมาใช้จ่าย

2. ลงทุนไม่ถูกที่
ชาวอายุเลข 3 จำนวนไม่น้อยเตรียมพร้อมช่วงชีวิตวัยเกษียณของตัวเองไปแล้วในหลายส่วน ซึ่งบางครั้งการลงทุนในบางอย่างของคุณอาจไม่ถูกจังหวะสักเท่าไร อย่างการรีบร้อนซื้อที่อยู่อาศัยทั้งที่ยังไม่พร้อม หรือซื้อรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชีวิตวัยทำงาน ทั้งที่จริงแล้วทรัพย์สินชิ้นใหญ่อย่างบ้านและรถอาจเป็นแค่ภาระชิ้นโตที่ทำให้คุณต้องเจียดเงินเดือนเกือบ 1 ใน 4 ส่วนไปผ่อนอยู่หลายปี ทำให้เปอร์เซ็นต์การออมเงินอยู่ในขาลงไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นหากต้องการมีทรัพย์สินเป็นบ้านหรือรถ ก็ควรเก็บหอมรอมริบให้ได้เงินก้อนพอที่จะช่วยลดทอนค่างวด หรือทำให้เราไม่ต้องไปกู้เงินกับสถาบันการเงินไหน ๆ เป็นจำนวนมากจะดีกว่า
3. ใช้จ่ายไปกับการศึกษาของลูก ๆ มากกว่าส่วนอื่น
เข้าใจว่าคนมีครอบครัวก็ต้องดูแลบุตรหลานของตัวเองให้ดี แต่หากทุ่มเงินไปกับการศึกษาของเด็ก ๆ จนเกินจำเป็น เช่น ให้เข้าเรียนพิเศษคอร์สต่าง ๆ ไม่ได้หยุด หรือส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดังค่าเทอมแพง ๆ นั่นเท่ากับว่าคุณจะเสียโอกาสออมเงินไว้ใช้ยามบั้นปลายชีวิตไปโดยปริยายนะคะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการศึกษาของลูก ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ควรลงทุน ทว่าควรจัดสรรการใช้เงินในส่วนนี้ให้พอเหมาะ เรียนโรงเรียนรัฐบาลก็ได้ และไม่จำเป็นต้องส่งเขาไปเรียนพิเศษจนแทบไม่มีเวลาเล่นสนุกขนาดนั้น เพราะอย่าลืมสิว่า พัฒนาการของเด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อยู่แต่ห้องเรียนเท่านั้น แต่ความอบอุ่นที่ครอบครัวมอบให้ก็ทำให้เขาได้ประโยชน์โดยที่ไม่ต้องเสียสตางค์เช่นกัน
4. ลืมวางแผนการใช้เงินก่อนแต่งงาน
อายุประมาณนี้หลายคนพร้อมจะเข้าสู่ประตูวิวาห์กันแล้ว แต่ดันพลาดไปอย่างตรงที่ไม่คุยกันให้ชัดเจนในเรื่องการเงินหลังชีวิตแต่งงาน เพราะอย่าลืมนะคะว่า การใช้ชีวิตคู่ย่อมต้องมีปัจจัยการใช้เงินที่เพิ่มขึ้นกว่าตอนอยู่คนเดียว และหากยังเหนียมอายจะพูดเรื่องเงินกับคนรัก ก็อาจทำให้การเงินในครอบครัวตั้งตัวได้ค่อนข้างลำบาก กว่าทุกอย่างจะลงตัวเริ่มมีเงินเก็บได้ก็ใช้เวลาไปหลายปีแบบนี้เป็นต้น ดังนั้นก่อนลั่นระฆังวิวาห์ควรคุยเรื่องเงินกันให้ชัดเจน

งานแต่งงานเกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำให้มันเลิศเลออลังการจนเกินกำลังของตัวเองสักหน่อย อย่างจัดงานในโรงแรมดังเหมาทั้งเช้าและเย็นแบบนี้มีหวังงบบานปลายเกินเหตุแน่ ๆ เอาเป็นว่าเซฟ ๆ ค่าใช้จ่ายของการจัดงานไว้นำมาเป็นเงินขวัญถุงสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันดีกว่าเนอะ
6. บ้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ
สมัยนี้ใครไม่เล่นโซเชียลถือว่าเช้ยเชย ยิ่งเราอยู่ในวัยทำงาน หาเงินได้แบบนี้จะพลาดแก็ดเจ็ตดี ๆ ก็ใช่ที่จริงไหม แต่แหม...แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็เฟี้ยวในโลกโซเชียลได้สบาย ๆ ไม่จำเป็นต้องมือถือสมาร์ทโฟน แขนหนีบแท็บเล็ตแบบนี้สักหน่อย สิ้นเปลืองทั้งค่าแพ็กเกจรายเดือน ไหนจะค่าบำรุงดูแลและค่าไฟอีก

7. จมปลักอยู่กับงานเก่า เงินเดือนไม่คืบ
หลายคนกลัวความเปลี่ยนแปลง เลยยอมทำงานที่เก่าตั้งแต่จบมาใหม่ ๆ ทั้งที่จริงแล้วงานนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ชอบ อีกทั้งยังเป็นงานที่ไม่ให้ผลตอบแทนที่ปังเท่าไรอีกด้วย โหย...สู้เดินออกไปหาความรวยเอาดาบหน้าไม่ดีกว่าเหรอคะ และการเปลี่ยนงานยังอาจทำให้ฐานเงินเดือนขยับขึ้นอีกต่างหากนะ
8. เรียนต่อโดยไร้จุดมุ่งหมาย
ใบปริญญาโทสำหรับบางคนมีไว้เพื่อประดับบารมีเท่านั้น เพราะนำมาประกอบการทำงานก็ไม่ได้อัพเงินเดือนมากขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไร กลายเป็นว่าเสียเงินกลับไปเรียนต่อแค่เก๋ ๆ ไม่ได้จะเอาวุฒิไปต่อสายป่านหน้าที่การงานหรือรายได้ใด ๆ เลย

9. เปลี่ยนรถเป็นว่าเล่น
ช่วงวัยนี้กำลังหาเงินคล่อง หน้าที่การงานก็เวิร์ก แค่จะเปลี่ยนรถเป็นรุ่นใหม่บ่อย ๆ จะต้องกลัวทำไม แต่ช้าก่อนเถอะค่ะ แทนที่เราจะนำเงินไปผ่อนรถครั้งแล้วครั้งเล่า สู้เราเก็บเงินส่วนนั้นมาออมไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตไม่ดีกว่าเหรอ รถน่ะอายุการใช้งานของแต่ละคันก็เกินกว่า 4 ปีนะคะ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้เสียเงินก้อนเลยสักนิด
10. มโนไปเองว่าเงินจะพอใช้ในอนาคต
นี่แอบไปดูดวงมาหรือแค่ฝันไปเองคะว่าในอนาคตเราจะหาเงินไว้ใช้จ่ายได้แน่ ๆ ดังนั้นวันนี้นิสัยการใช้เงินเลยเอาแต่ใจได้ตามสบาย เฮ้อ ! คิดแบบนี้เรียกว่าหน่วยกล้าตายมาก ๆ เลยล่ะ เพราะคิดตามหลักความเป็นจริงง่าย ๆ สิว่า ถ้าตอนนี้ไม่รีบออมเงินเอาไว้ ตอนแก่ตัวไปมากกว่านี้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายกันล่ะ
เช็กแล้วคุ้น ๆ บ้างไหมคะว่านี่มันใช่ตัวเราเลยล่ะ เอ้า ! ถ้าไม่อยากอับจนตอนสูงอายุ ก็ปรับเปลี่ยนนิสัยใช้เงินกันด่วน ๆ เลยเถอะ