กู้ซื้อบ้าน จำเป็นต้องทำประกันหรือไม่

         ทำประกันเพื่อความอุ่นใจ หากเกิดภัยจะได้ช่วยบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
   
         เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องไปขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านหลายคนอาจมีคำถามเกิดขึ้นว่า ทำไมธนาคารต้องให้เราทำประกันด้วย ถ้าไม่ทำจะได้หรือไม่ สำหรับเรื่องนี้ K-Expert ขออธิบายว่า มีประกันอยู่ 2 ประเภทด้วยกันที่ธนาคารให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านทำ โดยมีทั้ง "ประกันที่ต้องทำ" และ "ประกันที่ควรทำ" ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันค่ะ
 
ประกันที่ต้องทำ - ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย

         โดยทั่วไป ธนาคารจะให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย เนื่องจากผู้ขอสินเชื่อบ้านต้องนำบ้านที่ซื้อมามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันค่ะ

          ความคุ้มครองที่ได้รับ คุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านและทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยระเบิด ภัยจากการถูกชนโดยยานพาหนะหรืออากาศยาน ภัยเนื่องจากน้ำ นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อความคุ้มครองในส่วนของภัยพิบัติ (ภัยน้ำท่วม ลมพายุ และแผ่นดินไหว) เพิ่มเติมได้ค่ะ

          ทุนประกันที่ควรทำ ควรทำทุนประกันหรือวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่าบ้านและทรัพย์สิน เพราะหากเกิดความเสียหายเพียงบางส่วนก็ยังได้รับเงินชดเชยเหมือนทำประกันไว้เต็มมูลค่า

          ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย อยู่ที่ประมาณ 1,000–3,000 บาทต่อทุนประกัน 1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับลักษณะบ้านหรือสิ่งปลูกสร้าง ถ้าเป็นบ้านผนังคอนกรีตล้วน ค่าเบี้ยประกันจะต่ำกว่าบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ ทั้งนี้ ค่าเบี้ยประกันมักจ่ายเป็นแบบปีต่อปี แต่เราสามารถซื้อเป็นแบบราย 2 ปี หรือ 3 ปี ซึ่งจะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันให้ด้วยค่ะ

         ไม่ว่าบ้านของเรากำลังผ่อนอยู่หรือไม่ก็ควรทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยไว้ เพราะหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับบ้าน อย่างน้อยก็มีประกันที่จะช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ โดยค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเพียงหลักพันถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับค่ะ

ประกันที่ควรทำ - ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้าน

         สำหรับประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้านเป็นประกันที่ผู้ขอสินเชื่อจะทำหรือไม่ก็ได้ หากไม่ทำก็ไม่ได้ส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อบ้านแต่อย่างใด แต่อยากแนะนำให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านทำประกันประเภทนี้

          ความคุ้มครองที่ได้รับ คุ้มครองผู้ทำประกันกรณีเสียชีวิตและกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร โดยจะได้รับเงินชดเชยเท่ากับทุนประกันหรือความคุ้มครองที่คงเหลืออยู่

          ทุนประกันที่ควรทำ ควรทำประกันให้มีระยะเวลาความคุ้มครองและทุนประกันสอดคล้องกับระยะเวลาในการผ่อนชำระและวงเงินสินเชื่อ โดยทุนประกันหรือความคุ้มครองจะลดลงเรื่อย ๆ ตามยอดหนี้สินที่ลดลง

          ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย ขึ้นอยู่กับเพศ อายุของผู้ขอสินเชื่อ ทุนประกัน และระยะเวลาความคุ้มครอง โดยการจ่ายค่าเบี้ยประกันมักจ่ายเพียงครั้งเดียว บางธนาคารให้ผู้ขอสินเชื่อผ่อนชำระค่าเบี้ยได้ โดยให้เป็นวงเงินสินเชื่อ

         ผู้ที่กำลังผ่อนบ้านควรทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้าน เพราะหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับผู้ขอสินเชื่อ ครอบครัวหรือคนที่เรารักจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระในการผ่อนชำระหนี้สิน นอกจากนี้ เบี้ยประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้านที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท โดยลดหย่อนได้เฉพาะปีแรกค่ะ
 
         จะเห็นว่าการทำประกันไม่ได้อยู่ที่ธนาคารเป็นผู้กำหนด แต่อยู่ที่ตัวเราเองเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะทำประกันหรือไม่ ถ้าอยากให้บ้านและคนที่เรารักได้รับความคุ้มครอง เมื่อตัดสินใจซื้อบ้านก็อย่ามองข้ามการทำประกันเพื่อความอุ่นใจค่ะ ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ “กู้ซื้อบ้าน จำเป็นต้องทำประกันหรือไม่” ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert  หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทยได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com

K-Expert Action

         ศึกษารายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจทำประกัน

         เตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับจ่ายค่าเบี้ยประกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก