
โพลชี้ ประชาชนก่อหนี้นอกระบบเพิ่มมากขึ้นในรอบ 3 เดือน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
โพลชี้ ประชาชนก่อหนี้นอกระบบเพิ่มมากขึ้นในรอบ 3 เดือน เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย วอนรัฐหาแนวทางแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน
วันนี้ (17 ตุลาคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มีการเปิดเผยผลสำรวจของประชาชนถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในประเทศ เรื่องการที่ประชาชนมีหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งผลสำรวจพบว่า...


ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 81.2 ระบุว่า เคยมีปัญหาทางการเงินเนื่องจากสินค้ามีราคาแพงขึ้น ดอกเบี้ยแพงขึ้น ราคาน้ำมันแพง จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการกู้ยืมเงินนอกระบบถึงร้อยละ 41
นอกจากนี้การสำรวจของเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าคนเป็นหนี้นอกระบบมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นจากร้อยละ 49 เป็นร้อยละ 50.4 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่หนี้นอกระบบของประชาชนสูงกว่าหนี้ในระบบ โดยกลุ่มที่มีหนี้นอกระบบสูงที่สุดคือกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งยอดหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพิ่มจาก 2.1 แสนบาทเป็น 2.2 แสนบาท
ส่วนการสำรวจร้อยละ 55.7 ประชาชนระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากเดิมที่เร่งแก้ปัญหาการเมืองกับสังคม ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นราคาของก๊าซ LPG ทั้งภาคขนส่งและภาคครัวเรือนของรัฐบาล รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการอนุมัติการปรับปรุงสนามบิน และการงดทำนาปรัง 22 จังหวัด
สำหรับนโยบายที่ประชาชนเห็นด้วยคือ...



อย่างไรก็ตาม ประชาชนเสนอว่าต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ซึ่งมีดังนี้...




ส่วนมาตรการหรือนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะทำให้เกิดการบริโภคมากขึ้นหรือไม่นั้น




ปัญหาใดที่รัฐบาลควรแก้ไขมาเป็นอันดับแรก ประชาชนเห็นว่า...



ทั้งนี้ ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบควรจะเริ่มจากการสร้างงานกับรายได้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุในระยะยาว ส่วนการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ อาจจะเป็นการลดภาระได้บ้างแต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เนื่องจากสาเหตุเกิดจากการที่ประชาชนไม่รู้จักบริหารรายได้และรายจ่ายให้สมดุล ไม่เห็นความสำคัญของการออม รวมถึงรัฐบาลไม่พัฒนาระบบการเงินให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยเข้าถึงได้