หนี้บัตรเครดิต ต้องมีจำนวนมากแค่ไหนถึงถูกฟ้อง แล้วจะสุ่มเสี่ยงต่อการยึดทรัพย์ อายัดเงินเดือนหรือไม่ หากจ่ายหนี้ไม่ไหว เรื่องสำคัญที่คนใช้บัตรเครดิตต้องศึกษา คงไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานการณ์เป็นหนี้บัตรเครดิต เป็นหนี้บัตรกดเงินสด แต่ในบางครั้ง การวางแผนการเงินที่ไม่ดีพอ หรือประสบกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่กระทบต่อรายได้ ก็ทำให้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้จริง ๆ คำถามก็คือ เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง ถูกยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือน วันนี้เลยอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิต กันตรงนี้ ว่ากันตามกฎหมาย การมีหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องได้ หรือถึงแม้จะมียอดหนี้น้อยกว่า 2,000 บาท เจ้าหนี้ก็สามารถฟ้องร้องได้เช่นกัน แต่มักไม่ค่อยดำเนินการฟ้องร้อง เพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีสูงกว่ายอดหนี้ ในส่วนของธนาคารนั้น หากเราจ่ายหนี้ไม่ตรงเวลาก็ถือว่าผิดสัญญาแล้ว แต่จะโดนฟ้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละธนาคาร ซึ่งธนาคารอาจพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ยอดหนี้ที่ค้างชำระ : หากมียอดหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนมาก ธนาคารอาจดำเนินการฟ้องร้อง ระยะเวลาค้างชำระ : แม้จะมียอดหนี้ไม่สูง แต่ถ้าค้างชำระเป็นเวลานานก็อาจถูกฟ้องร้องได้ ประวัติการชำระหนี้ : คนที่มีประวัติการชำระหนี้ไม่ดีมาก่อนอาจถูกฟ้องร้องได้ง่ายกว่าผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี นโยบายการจัดการหนี้ของธนาคาร : แต่ละธนาคารมีนโยบายในการทวงหนี้และดำเนินคดีที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่จะมีการเจรจาไกล่เกลี่ยหาทางออกร่วมกันก่อนไปถึงขั้นฟ้องร้อง เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงินเช่นกัน ซึ่งโดยทั่วไป หากค้างชำระหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อหรือเงินกู้ใด ๆ เกิน 90 วัน หรือ 3 เดือน สถาบันการเงินจะจัดให้อยู่ในสถานะ NPL หรือ หนี้เสีย และข้อมูลการเป็นหนี้เสียของเราจะถูกบันทึกในเครดิตบูโร หรือที่เรียกกันว่า ติดเครดิตบูโร ส่งผลต่อการขอสินเชื่อใหม่ ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกระบุว่าเป็นหนี้เสียแล้ว สถาบันการเงินจะยังไม่ได้ฟ้องร้องในทันที แต่จะมีกระบวนการต่าง ๆ เช่น ส่งหนังสือทวงถามหนี้ โทรศัพท์ไปทวงถามหนี้ ซึ่งเราสามารถติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หรือเจรจาเรื่องการเลื่อนเวลาชำระ ฯลฯ หากสามารถตกลงกันได้ก็จะไม่ถูกฟ้องร้อง แต่ถ้าไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ หรือลูกหนี้เพิกเฉย ไม่มาเจรจา ไม่ชำระหนี้ใด ๆ ก็จะนำไปสู่การฟ้องร้องต่อไป การผิดนัดชำระหนี้ต่าง ๆ ถือเป็นคดีแพ่ง ซึ่งมีอายุความต่างกันตามประเภทของหนี้ เช่น หนี้บัตรเครดิต มีอายุความ 2 ปี หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล มีอายุความ 5 ปี หนี้เบิกเงินเกินบัญชี เป็นสินเชื่อประเภท (OD) กับบัญชีเดินสะพัด มีอายุความ 10 ปี หนี้บัตรกดเงินสด สินเชื่อเงินสด มีอายุความ 10 ปี (กรณีที่ไม่มีลักษณะเป็นการออกเงินทดรอง) ทั้งนี้ อายุความจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้าย หรือวันที่ธนาคารแจ้งกำหนดชำระหนี้ให้ทราบแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่ได้ชำระตามกำหนด ก็จะนับอายุความในวันถัดไปทันที กรณีลูกหนี้ชำระหนี้บางส่วน เช่น เงินต้น ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยผิดนัด หรือเบี้ยปรับ อายุความจะหยุดนับชั่วคราว แต่หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ อายุความจึงจะเริ่มนับใหม่ ดังนั้น ทางสถาบันการเงินจะต้องดำเนินการฟ้องร้องภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะขาดอายุความ อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีแพ่ง แม้คดีจะขาดอายุความแล้ว แต่เจ้าหนี้ยังสามารถยื่นฟ้องลูกหนี้ได้ และลูกหนี้ก็สามารถยกเรื่องขาดอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้เช่นกันเพื่อปฏิเสธการชำระหนี้ตามฟ้อง การยึดทรัพย์ของลูกหนี้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหนี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ประเภทของหนี้ ทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีและสามารถนำมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ได้ ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการทางกฎหมาย เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้ แต่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระได้ ศาลจะออกหมายบังคับคดีให้มีการยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์ของลูกหนี้ ซึ่งการจะอายัดเงินเดือนได้หรือไม่นั้นมีหลักการดังนี้ เงินเดือน ค่าจ้าง บำเหน็จ บำนาญ เบี้ยหวัด ของข้าราชการ เจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างในหน่วยงานราชการ ไม่สามารถอายัดได้ หากลูกหนี้มีเงินเดือน รวมถึงค่าจ้าง เบี้ยขยัน ค่าล่วงเวลา ก่อนหักภาษีและเงินสมทบประกันสังคม ไม่ถึง 20,000 บาท ไม่สามารถอายัดได้ หากลูกหนี้มีเงินเดือน รวมถึงค่าจ้าง เบี้ยขยัน ค่าล่วงเวลา ก่อนหักภาษีและเงินสมทบประกันสังคม เกิน 20,000 บาท สามารถขออายัดเงินเดือนได้ไม่เกิน 30% ของเงินเดือนที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา ค่าเลี้ยงดูบุตร โดยต้องนำหลักฐานไปขอลดหย่อนที่กรมบังคับคดี ทั้งนี้ เงินส่วนที่เหลือต้องไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท เงินโบนัส ถูกอายัดได้ไม่เกิน 50% ค่าคอมมิชชั่น ถูกอายัดได้ไม่เกิน 30% เงินตอบแทนกรณีออกจากงาน ถูกอายัดได้ 100% เงินค่าตอบแทน ค่าสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ค่าตำแหน่ง ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำมัน ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ ถูกอายัดได้ 100% ตัวอย่างเช่น นางสาวเอ มีเงินเดือน 50,000 บาท จะถูกอายัดได้ไม่เกิน 30% คือ 15,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000 บาท ไม่ถูกอายัด นายบี มีเงินเดือน 25,000 บาท จะถูกอายัดได้ไม่เกิน 30% คือ 7,500 บาท แต่ในความเป็นจริงจะอายัดได้แค่ 5,000 บาทเท่านั้น เพราะตามกฎหมายต้องมีเงินเดือนคงเหลือไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท หากมีหนี้ค้างชำระและไม่ยอมชำระหนี้ตามคำสั่งศาล เจ้าหนี้สามารถร้องต่อศาลขอให้อายัดเงินในบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของลูกหนี้ได้ทุกบัญชี ดังนั้น ลูกหนี้จะไม่สามารถกดเงิน ถอนเงิน หรือทำธุรกรรมใด ๆ ได้จนกว่าจะจ่ายหนี้ครบ การนิ่งเฉย ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ย่อมไม่ใช่ทางแก้ปัญหาเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิต ทางที่ดีควรรีบเข้าไปขอคำปรึกษากับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้แล้วหาทางออกร่วมกัน เช่น ขอขยายเวลาชำระหนี้ ขอปรับโครงสร้างหนี้ รวมหนี้ เพื่อที่เรื่องจะได้ไม่บานปลายไปจนถึงการยื่นฟ้องศาล จ่ายบัตรเครดิตช้าได้กี่วัน ถ้าผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลอย่างไรบ้าง ? หนี้บัตรเครดิต...เรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจ โดนฟ้องต้องทำยังไง ? หนี้บัตรเครดิต ถ้าโดนฟ้อง ไม่ไปศาลได้ไหม จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ? เจ้าหนี้-ลูกหนี้ รู้ไว้ไม่เสียหาย ! ทรัพย์สินอะไรยึดได้-ยึดไม่ได้ หากโดนฟ้องร้องต้องทำอย่างไร ? รวมเบอร์ปรึกษาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อธนาคารต่าง ๆ ใครจ่ายไม่ไหว อยากแก้หนี้ เช็กเลย ! ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันอนุญาโตตุลาการ, Thai PBS, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, ธนาคารไทยพาณิชย์, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สำนักงานกิจการยุติธรรม
แสดงความคิดเห็น