แจงหลักการเบื้องต้น โครงการคนละครึ่ง แจก 3,000 บาท ให้แค่ 15 ล้านสิทธิ์ กำหนดวงเงินใช้จ่าย เน้นช่วยร้านหาบเร่แผงลอย ร้านข้าวแกง โชห่วย ยันไม่ได้ตั้งเป้าเอื้อกระเป๋าทุนใหญ่
ภาพจาก Ko Aun Lee / Shutterstock.com
จากกรณีที่รัฐบาลประกาศโครงการคนละครึ่ง ด้วยการแจกเงิน 3,000 บาท ให้กับประชาชนไทย อายุ 18 ปี ขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคน นำไปจับจ่ายใช้สอย โดยในตอนจ่ายเงินผู้ได้รับสิทธิ์จะจ่ายเงินเพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่ง รัฐบาลจะจ่ายให้ โดยสามารถลงทะเบียนโครงการได้ที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com
คืบหน้าวันที่ 4 กันยายน 2563 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อให้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจถึงมือผู้ประกอบการรายเล็กมากที่สุด โครงการคนละครึ่ง แจกเงิน 3,000 บาท จึงได้กำหนดหลักการเบื้องต้น ให้สามารถใช้จ่ายได้วันละ 100 บาท ซึ่งรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ 50% ผู้ได้รับสิทธิ์ออกเอง 50% เพื่อให้สอดคล้องในการจับจ่ายใช้สอยกับผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น การซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ตามร้านค้าหาบเร่แผงลอย หรือร้านโชห่วย
ขอยืนยันว่า โครงการดังกล่าวเป็นมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ที่ต่อยอดจากโครงการชิมช้อปใช้ โดยร้านค้าที่เข้ามาโครงการจะยังเหมือนเดิม แต่วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ เพื่อขยายร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมายคือกลุ่มร้านค้าหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วย ร้านขายข้าวแกง ร้านขายอาหารและเครื่องมือตามตลาดหรือตลาดนัด เป็นต้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งเป้าให้เงินเข้ากระเป๋าทุนใหญ่แต่อย่างใด แม้โครงการดังกล่าวจะมีห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อเข้าร่วมก็ตาม
ซึ่งจะเห็นได้ว่า หลักเกณฑ์การใช้จ่ายนั้น เอื้อให้มีการซื้อของกับผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยจริง ๆ โดยภาครัฐจะพยายามช่วยให้ผู้ค้ารายเล็กรายน้อย ได้เข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด เพื่อจะเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล
อนึ่ง สำหรับการใช้จ่ายในโครงการ คนละครึ่ง เป็นการจ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย ภายใต้วงเงิน 3,000 บาท มีการจำกัดวงเงิน คาดว่าวันละไม่เกิน 100-250 บาท โดยเปิดช่วงเวลาให้ใช้จ่าย 3 เดือน คือ ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2563
อ่านข่าว : ไขข้อสงสัย คนได้สิทธิ์ เราไม่ทิ้งกัน - เงินเยียวยาอื่น ๆ รับเงิน 3 พัน คนละครึ่ง ได้หรือไม่ ?!
อ่านข่าว : ตอบคำถามโครงการ คนละครึ่ง แจกเงิน 3,000 คนอายุ 18+ ใครได้บ้าง - ลงทะเบียนอย่างไร
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
