ส่องรายได้ 13 ผู้นำประเทศทั่วโลก แต่ละคนรับทรัพย์อู้ฟู่ขนาดไหน !

          แม้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ จะเคยพูดไว้ว่าไม่ขอรับเงินเดือนจากการเป็นประธานาธิบดี อย่างไรก็ดี ในแต่ละปีเขาก็ยังได้รับเงินประจำตำแหน่งราว 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เขาตัดสินใจบริจาคเงิน 1 ใน 4 ส่วนให้มูลนิธิและองค์กรต่าง ๆ ทุกปีแทน

          ในปี 2558 ปูติน เคยประกาศลดเงินเดือนตัวเองลง 10% จากปัญหาเศรษฐกิจของรัสเซีย แต่ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ยต่อปีที่เขาได้รับจากการนั่งเป็นผู้นำสูงสุดก็อยู่ที่ราว 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

          หลังจากการชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ทำให้เธอคือนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของอังกฤษในรอบ 26 ปี ต่อจาก มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ 

         อีกหนึ่งหญิงแกร่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของเยอรมนี ซึ่งเธอนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2548 ด้วยการชนะเลือกตั้งถึง 4 สมัยแล้ว

          เดือนละ 15,140 ยูโร คือ เงินเดือนของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เอดัวร์ ฟีลิป ตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง 0.4% เพราะมีการประท้วงของประชาชนที่มองว่าการขึ้นเงินเดือนของผู้นำ จะส่งผลต่อค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ

          ผู้นำคนสำคัญของตุรกี โดยเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งมีการคำนวณว่าผลตอบแทนต่อปีของ เออร์โดกัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยคนตุรกีกว่า 5 เท่า

          เป็นนายกรัฐมนตรีที่ขึ้นชื่อเรื่องความใจบุญ เพราะเขาตัดสินใจบริจาคเงินประจำตำแหน่งที่ได้รับให้กับการกุศล อย่างไรก็ดี แมลคัม เทิร์นบุลล์ ก็โดนฝ่ายค้านนำเรื่องนี้มาเล่นงานว่าที่ทำแบบนั้น เพราะเขาต้องการลดภาษีให้ตัวเองมากกว่า 

          นายกรัฐมนตรีคนที่ 57 ของญี่ปุ่น และถือว่าเป็นนายกฯ ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

           มุน แจ อิน เพิ่งได้เงินเพิ่มอีกปีละ 5 ล้านวอน เมื่อเดือนมกราคม 2561 หลังรัฐบาลอนุมัติแผนขึ้นเงินเดือนข้าราชการเกาหลีใต้เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ปัจจุบันเขาได้รับค่าตอบแทนที่ 225 ล้านวอนต่อปี

          แม้ในปี 2558 พรรคคอมมิวนิสต์จีน จะประกาศขึ้นเงินเดือนให้ สี จิ้น ผิง ถึง 62% แต่ตามรายงานล่าสุด เขาก็ยังได้รับค่าตอบแทนรายปีราว 22,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

          เรียกว่าน่าจะเป็นผู้นำประเทศที่มีเงินประจำตำแหน่งสูงที่สุดก็ว่าได้ จากจำนวนเงินถึงปีละ 2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

          นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซีย ที่เข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นานก็ประกาศลดเงินเดือนคณะรัฐมนตรีลงทันที 10% เพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เขาได้รับเงินเดือนอยู่ที่ 20,544 ริงกิต หรือประมาณเดือนละ 155,000 บาท