ธนาคารออมสิน เผยผลสำรวจกลุ่มรากหญ้า มีแค่ 1 ใน 3 ที่มีเงินออมเฉลี่ยเดือนละ 1,500 บาท ปัญหาหลักไม่มีเงินเหลือพอเก็บ ส่อมีปัญหายามเกษียณ
![ออมเงิน]( "ออมเงิน")
สำหรับวัตถุประสงค์การออมของประชาชนฐานราก พบว่าเป็นการออมเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน-เจ็บป่วย 71.7% สำรองไว้ใช้ 67% และเป็นทุนประกอบอาชีพ 39.3% ส่วนการออมเพื่อใช้ยามเกษียณมีเพียง 23.5% เท่านั้น ขณะที่ลักษณะการออมและการลงทุนของประชาชนฐานราก ส่วนใหญ่จะฝากไว้กับธนาคาร 80.3% เก็บไว้ที่บ้าน-ครัวเรือน 22.9% และเล่นแชร์ 8.5%
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ประชาชนฐานรากไม่สามารถเก็บออมได้ เหตุผลสำคัญคือไม่มีเงินเหลือพอที่จะเก็บ ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลพยายามหาทางแก้ไข ผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานและสถาบันต่าง ๆ เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ และการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐานสำหรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งธนาคารออมสินไม่มีนโยบายลดจำนวนสาขาลง เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนในทุกพื้นที่ เนื่องจากกลุ่มคนฐานรากยังคงนิยมใช้บริการที่สาขาของธนาคาร
อย่างไรก็ดี หากมองภาพรวมการออมของประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีปริมาณการออมอยู่ที่ 5.4 ล้านล้านบาท ขยายตัวจากปี 2559 ถึง 12.9% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต้น ๆ เมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน สำหรับรูปแบบการออมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ เงินฝาก สลากออมทรัพย์ พันธบัตร และประกันชีวิต
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการออมของประชาชนฐานราก จากกลุ่มตัวอย่างประชาชน ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศ จำนวน 2,150 ตัวอย่าง พบว่า มีประชาชน 32.2% หรือแค่ 1 ใน 3 ที่มีเงินออม ซึ่งส่วนใหญ่มีการออมแบบรายเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเดือน
สำหรับวัตถุประสงค์การออมของประชาชนฐานราก พบว่าเป็นการออมเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน-เจ็บป่วย 71.7% สำรองไว้ใช้ 67% และเป็นทุนประกอบอาชีพ 39.3% ส่วนการออมเพื่อใช้ยามเกษียณมีเพียง 23.5% เท่านั้น ขณะที่ลักษณะการออมและการลงทุนของประชาชนฐานราก ส่วนใหญ่จะฝากไว้กับธนาคาร 80.3% เก็บไว้ที่บ้าน-ครัวเรือน 22.9% และเล่นแชร์ 8.5%
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ประชาชนฐานรากไม่สามารถเก็บออมได้ เหตุผลสำคัญคือไม่มีเงินเหลือพอที่จะเก็บ ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลพยายามหาทางแก้ไข ผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานและสถาบันต่าง ๆ เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ และการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐานสำหรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งธนาคารออมสินไม่มีนโยบายลดจำนวนสาขาลง เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนในทุกพื้นที่ เนื่องจากกลุ่มคนฐานรากยังคงนิยมใช้บริการที่สาขาของธนาคาร
อย่างไรก็ดี หากมองภาพรวมการออมของประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีปริมาณการออมอยู่ที่ 5.4 ล้านล้านบาท ขยายตัวจากปี 2559 ถึง 12.9% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต้น ๆ เมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน สำหรับรูปแบบการออมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ เงินฝาก สลากออมทรัพย์ พันธบัตร และประกันชีวิต
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
