ภาพจาก Sarunyu L / Shutterstock.com
วันที่ 17 เมษายน 2561 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการจูงใจธนาคารพาณิชย์ในไทย ควบรวมกิจการให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศได้ ผ่านการสนับสนุนด้านภาษี ทั้งภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์
ทั้งนี้ การจูงใจให้ธนาคารไทยควบรวมกิจการ เพื่อต้องการส่งเสริมให้สามารถแข่งขันในภูมิภาคได้ เพราะเมื่อเทียบธนาคารพาณิชย์ไทยกับประเทศในอาเซียนแล้ว พบว่า ธนาคารในไทยยังต้องพัฒนาทั้งในเชิงประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของไทยมีสินทรัพย์ ประมาณ 3 ล้านล้านบาท น้อยกว่ามาเลเซียที่มีขนาดทรัพย์สินถึง 4 ล้านล้านบาท จึงต้องมีมาตรการส่งเสริมให้ธนาคารไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น
สำหรับมาตรการส่งเสริมทางภาษี ได้แก่ กรณีธนาคารพาณิชย์ควบรวมกันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน จะได้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับผู้ถือหุ้น และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ให้กับธนาคารพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง คาดว่าจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีประมาณ 600-1,400 ล้านบาท แต่จะชดเชยด้วยการขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนภาคเอกชนที่จะเพิ่มขึ้น เช่น การลงทุนปรับปรุงระบบคอร์แบงกิ้งและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศประมาณ 3,000- 7,000 ล้านบาทต่อรายที่ควบรวมกิจการ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก