ซื้อเสื้อผ้าบ่อยมาก ทำไงดี ? ถ้าอยากเริ่มมีเงินเก็บต้องพิชิตนิสัยฟุ่มเฟือยในการซื้อเสื้อผ้าตามนี้ให้ได้ก่อน !
ต้องบอกว่าสมัยนี้การช้อปปิ้งเสื้อผ้าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก มีทั้งช้อปปิ้งออนไลน์ จ่ายเงินผ่านแอพในโทรศัพท์ หรือจะตามห้างสรรพสินค้าก็มีให้เลือกซื้อไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้หญิงบางคนจะหลวมตัวซื้อเสื้อผ้าบ่อยมาก มากซะจนใส่เสื้อผ้าที่ซื้อมาไม่ทัน แล้วต้องเลหลังนำไปขายมือสองชนิดที่ใหม่ซิง ๆ ในราคาแสนถูก
โถ…เสื้อผ้าที่ซื้อมาก็ไม่ได้ใส่ตั้งหลายตัว แถมเงินในบัญชียังดูท่าว่าจะร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ อีก ถ้ายังงั้นลองมาเลิกนิสัยใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับเสื้อผ้าด้วยวิธีดึงสติเด็ด ๆ เหล่านี้หน่อยดีกว่า
1. ตั้งงบประมาณซื้อเสื้อผ้าในแต่ละเดือนเคยซื้อเสื้อผ้าแทบจะรายวัน ฉะนั้นจะให้เลิกช้อปเลยเด็ดขาดคงจะหักดิบเกินไป เอาเป็นว่าแค่ลองตั้งงบประมาณที่แน่ชัดให้ตัวเองพอจะมีโอกาสได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่อย่างเหมาะสมดูก็ได้ อย่างบางคนอาจหักรายได้ประมาณ 10-20% กันเงินส่วนนี้เอาไว้ใช้จ่ายกับเรื่องฟุ่มเฟือย หรือจะลดปริมาณการช้อปให้อยู่ที่เดือนละ 1-2 ตัวก็พอ ยังไงก็ลองเลือกที่สะดวกใจดูเลย
2. จดบัญชีรายรับ-รายจ่ายขยันจดบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิดเดียว เชื่อเถอะว่าคุณจะมีนิสัยใช้จ่ายอย่างประหยัดเพิ่มขึ้นได้ เพราะเราจะเห็นตัวเลขชัด ๆ ว่าเงินเราหายไปกับเรื่องอะไรบ้าง เหมาะสมไหม จะต้องตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจุดไหนออกหรือเปล่า
3. สำรวจเสื้อผ้าที่มีอยู่ทั้งหมดก่อนจะออกไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ เรามาสำรวจเสื้อผ้าที่อัดแน่นอยู่ในตู้ก่อนดีกว่าไหมคะ จะได้ถือโอกาสเลือกชุดที่ไม่ได้ใส่มานานกลับมาใส่อีกครั้ง หรือเผลอ ๆ อาจจะเกิดปิ๊งไอเดียนำเสื้อผ้ามามิกซ์ แอนด์ แมตช์ กลายเป็นได้ชุดใหม่มาใส่อีกหลายชุดก็ได้ เสียเวลาสำรวจเสื้อผ้าก่อนออกไปช้อปสักแป๊บ จะได้เตือนใจได้ว่าจริง ๆ แล้วคุณยังมีเสื้อผ้าอีกหลายชุดที่ไม่เคยได้ใส่ และเสื้อผ้าบางชุดที่เคยใส่เมื่อนานมาแล้วก็สามารถนำกลับมาใส่ใหม่ได้แบบเก๋ ๆ อีกเยอะเลยด้วย
4. DIY เสื้อผ้าเก่าเชื่อว่าเสื้อผ้าในตู้ของคุณ ๆ คงแน่นมาก และหากลอง มิกซ์ แอนด์ แมตช์ แล้วก็ยังไม่ถูกใจ งั้นลองจับเสื้อผ้าที่เคยชอบใส่มา DIY ใหม่ เย็บ ปัก ถัก ร้อยให้ดูชิคไม่เหมือนใคร แค่นี้ก็ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าเพิ่มแล้ว
5. ใช้จ่ายด้วยเงินสดบัตรเครดิต โอนเงินออนไลน์ วิธีเหล่านี้เป็นการใช้จ่ายที่สะดวกจนทำให้เผลอใช้จ่ายเกินตัวมานักต่อนัก ดังนั้นจะซื้อเสื้อผ้าหรืออะไรก็ตาม พยายามจ่ายด้วยเงินสดที่มีจะดีกว่า หนี้ไม่ต้องเป็น แถมยังช่วยดึงสติให้เราได้คิดด้วยว่าควรจะใช้จ่ายยังไงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
6. Unfollow ร้านขายเสื้อผ้าสำหรับคนที่ชอบซื้อเสื้อผ้าออนไลน์จากร้านค้าบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม อยากให้ตัดใจกดปุ่มยกเลิกการติดตามร้านค้าเหล่านี้ซะ บอกเลยว่าเป็นวิธีตัดกิเลสและพิชิตนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่หลายคนทำแล้วเหลือเงินเก็บเยอะขึ้นนะจ๊ะ ลองดู
7. เปิดบัญชีฝากประจำแบบที่หักเงินบัญชีอัตโนมัตินอกจากจะเป็นโอกาสได้ออมเงินที่ดีมาก ๆ แล้ว การให้ทางธนาคารดึงเงินจากบัญชีหลักของเราเข้าไปออมในบัญชีเงินฝากประจำยังทำให้เราเหลือเงินสำหรับใช้จ่ายรายเดือนน้อยลง คราวนี้ก็เท่ากับว่าเราต้องวางแผนการใช้จ่ายให้อยู่รอดตลอดทั้งเดือน ซึ่งก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะยังมีใจใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับเสื้อผ้าอีกไหม
8. ลงทุนกับสิ่งที่ให้อะไรกลับคืนมาหลายคนซื้อเสื้อผ้าบ่อยเพราะรู้สึกว่าใช้เงินไม่ทัน ;p ซึ่งถ้าหากลองนำเงินที่เสียไปกับค่าเสื้อผ้ามาลงทุนต่อยอดอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หุ้น กองทุนต่าง ๆ เงินที่เสียไปตรงนี้จะทำกำรี้กำไรให้คุณได้ในอนาคต และหากต้องแบ่งเงินรายได้มาลงทุน ต่อไปนี้ก็คงไม่เหลือเงินมาช้อปเสื้อผ้าอย่างฟุ่มเฟือยแล้วล่ะ
9. อย่าแก้เบื่อด้วยการช้อปปิ้งถ้ารู้สึกเบื่อ ๆ ไม่รู้จะไปไหน ลองหากิจกรรมที่ไม่เปิดโอกาสให้เราได้ใช้เงินแทนการไปเดินเล่นที่ห้างหรือไปช้อปปิ้งแก้เซ็งกันดีกว่า อย่างไปออกกำลังกาย ชวนเพื่อนมาดูหนังที่บ้าน หรือจะทำงานอดิเรกฝึกสมองเหล่านี้ก็ได้ วิธีบริหารสมองให้ฉลาดขึ้นแบบเพลิน ๆ ด้วย 10 งานอดิเรกที่น่าทำ
10. อย่าซื้อเพราะเสียดายสินค้าในช่วงเซลหรือช่วงที่จัดโปรโมชั่นมีราคาสุดคุ้มก็จริง แต่ถ้าคุณไม่ได้ต้องการจะซื้อเสื้อผ้าในตอนนั้นก็เดินเลี่ยงออกมาเถอะ อย่าไปซื้อเพราะเสียดายโอกาสให้เปลืองตังค์ไปเปล่า ๆ เลย เก็บเงินเอาไว้ซื้อเสื้อผ้าตอนที่อยากได้จริง ๆ ดีกว่า อย่าลืมว่าโปรโมชั่นเหล่านี้เขาแค่ลดราคา แต่ไม่ได้ให้ฟรี ๆ นะจ๊ะ
11. ไม่โดนใจจริง ๆ อย่าซื้อ !ถ้าตอนไปช้อปแล้วจับแล้วจับอีก คิดอยู่นานเป็นนาทีก็อย่าซื้อเลย เพราะเห็นชัด ๆ ว่าคุณไม่ได้อยากซื้อเสื้อผ้าตัวนั้นจริง ๆ เก็บเงินไว้จ่ายให้กับเสื้อผ้าที่เห็นปุ๊บแล้วหยิบเลยจะดีกว่า
12. ดูแลเสื้อผ้าที่มีอยู่เสื้อผ้าแต่ละชิ้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลที่ต่างกันอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะเสื้อผ้าเนื้อบางที่ไม่ควรนำไปซักด้วยเครื่องซักผ้า รวมทั้งควรต้องแยกซักผ้าสีและผ้าขาวออกจากกันอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันสีตก และป้องกันเนื้อผ้าฉีกขาดจนใส่ต่อไม่ได้อีกต่อไป ลงท้ายก็ต้องเปลืองตังค์หาซื้อใหม่อีกจนได้
13. อย่าวิ่งตามเทรนด์กระแสแฟชั่นเปลี่ยนแปลงได้ทุกวี่วัน และส่วนมากก็มักจะเป็นอะไรที่มาไวไปไว ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็พยายามอย่าวิ่งตามเทรนด์เลยจะดีกว่า หรือถ้าอดใจไม่ไหวจริง ๆ จะซื้อมาสนองความต้องการสักหน่อยก็ได้ แต่ขอให้ทุกอย่างอยู่บนความพอดีไม่มากเกินไปเท่านั้นก็พอ
14. เลือกซื้อเสื้อผ้าสีพื้นเอาล่ะ ! ถ้าอดใจไม่ไหวต้องช้อปเสื้อผ้าจริง ๆ แนะนำให้เลือกซื้อเสื้อผ้าสีพื้นจะดีกว่า เพราะการันตีได้เลยว่าจะมีโอกาสได้ใส่ไปในหลายโอกาส รวมถึงนำไปมิกซ์ แอนด์ แมตช์ได้กับหลายชุด ต้องจ่ายเงินทั้งทีซื้อแล้วใช้ได้คุ้มแบบนี้ก็ดีมาก ๆ เลยเนอะ
15. มีสติวิธีไหนก็ไม่สู้การมีสติในการใช้จ่ายแน่นอนค่ะ เพราะต่อให้แบ่งเงินไปลงทุน จำกัดงบในการช้อปปิ้ง แต่หากยังไม่มีสติในการใช้จ่าย สิ่งที่สู้อดทนทำมาก็จะพังครืน ยังไงคุณคงอดใจที่จะซื้อเสื้อผ้าไม่ไหว
ฉะนั้นก่อนจะซื้อเสื้อผ้าทุกครั้ง ดึงสติสักหน่อยว่าเสื้อผ้าชุดนั้นจำเป็นแค่ไหน เป็นชุดสไตล์เดิม ๆ ที่เคยมีหรือเปล่า และราคาคุ้มค่ากับการใช้งานแค่ไหน ตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อนตัดสินใจควักเงินกันเถอะ
แม้เสื้อผ้าจะเป็นปัจจัยพื้นฐานในชีวิตเราก็ตาม ทว่าหากเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งเสื้อผ้ามากจนเกินไป เล่นเอาเราไม่ค่อยเหลือเงินเก็บออม แบบนี้ก็คงไม่ดีเท่าไร ฉะนั้นต้องลองวิธีพิชิตนิสัยฟุ่มเฟือยเหล่านี้ให้ได้นะคะ
