ทำอย่างไรถึงรวย 4 นิสัยนี้ช่วยได้ ศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน มองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ที่ตัวเองชอบ ปิดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง และทำประกันป้องกันความเสี่ยง
![ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่]( "ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่")
เปรียบเหมือนบางคนที่ลงทุนเก่งมาก
แต่พลาดเรื่องการใช้จ่าย ทำให้หาเงินได้มากแค่ไหน
สุดท้ายก็ใช้จ่ายจนไม่มีเหลือเก็บออม
ดังนั้นหัวใจสำคัญอยู่ที่การวางแผนสร้างรายได้และจัดการกับค่าใช้จ่าย
ซึ่งปีใหม่นี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการบริหารจัดการเงินทองของเรา K-Expert มีแนวทางมาฝากเพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองไปติดตามกันเลยค่ะ
![ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่]( "ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่")
แนวคิดที่ 1 ลงทุนให้เป็นต้องรู้จัก "ปล่อยให้กำไรวิ่ง" และ "ตัดขาดทุน"
เชื่อว่าคนที่ลงทุนในหุ้นหลาย ๆ คนเคยมีประสบการณ์ซื้อหุ้นแล้ว กำไรน้อย แต่ขาดทุนเยอะ เป็นเพราะว่าพอหุ้นขึ้น เรามักขายเร็วเกินไป โดยลืมดูว่าราคาหุ้นตัวนั้นยังสามารถวิ่งขึ้นต่อไปได้อีก ทำให้มาบ่นว่า "ขายหมู" หรือพอหุ้นตก เราก็มักเข้าซื้อเร็วเกินไป แล้วมาเจ็บใจทีหลังว่า ไม่น่ารีบซื้อเลย พอราคาถูกมาก ๆ จะเข้าซื้อก็ไม่มีเงินแล้ว หรือเรียกว่า "กระสุนหมด"
ซึ่งเทคนิคลงทุนที่ดีคือ เวลาตลาดเป็นขาขึ้นแล้วหุ้นที่ถือยังมีอนาคต ดูแล้วราคายังขึ้นต่อได้ก็ปล่อยให้กำไรวิ่งต่อไปก่อน แต่ถ้าตลาดเปลี่ยนเป็นขาลง แล้วหุ้นที่มีในมือราคามีโอกาสร่วงลงได้อีกก็ควรรีบตัดขาดทุนก่อนที่จะขาดทุนมากยิ่งขึ้นค่ะ
ตัวอย่างนักลงทุนที่น่าสนใจคือ เซอร์ จอห์น เทมเพิลตัน ที่กล้าเข้าซื้อหุ้นในช่วงสมัยสงครามโลกซึ่งดัชนีหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก แล้วใช้เวลา 4 ปีในการรอคอยเพื่อให้หุ้นกำไรเต็มที่ รวมแล้วได้เงินกลับมา 3 เท่าตัว คิดเป็นผลตอบแทนต่อปีเกือบ 100% โดยรวมแล้วถือว่า "นิ่ง" เพียงพอที่จะไม่ขายเร็วเกินไป เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของการปล่อยให้กำไรวิ่งต่อไปก่อน ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนหลาย ๆ คนก็มีลักษณะเช่นนี้
![ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่]( "ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่")
แนวคิดที่ 2 ค้นหา "อาชีพเสริม" เพิ่มรายได้
สำหรับคนที่อยากมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาจากการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์เสมอไป แต่สามารถสร้างรายได้จากการทำ "อาชีพเสริม" ควบคู่ไปกับงานประจำค่ะ ซึ่งการทำอาชีพเสริมนี้ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์การสร้างรายได้เพิ่ม แต่ยังช่วยให้ได้ทำในสิ่งที่เรารักด้วย
หรือคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองก็ได้ ลองทำธุรกิจควบคู่กับงานประจำดูก่อน ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการออกไปทำธุรกิจแบบเต็มตัว เพราะถ้าธุรกิจไปได้ไม่ดีอย่างที่คิดไว้ อย่างน้อยก็ยังมีรายได้จากงานประจำรองรับอยู่ แต่ถ้าธุรกิจที่ทำไปได้สวย ยอดขายเติบโต ก็ถือเป็นโอกาสดีที่วันหนึ่งอาชีพเสริมจะกลายมาเป็นอาชีพหลักหรือธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ สิ่งสำคัญของการทำอาชีพเสริมคือ รู้จักแบ่งเวลา โดยให้ความสำคัญกับอาชีพหลักมากกว่าอาชีพเสริม
![ปลดหนี้]( "ปลดหนี้")
แนวคิดที่ 3 ปิด "หนี้ดอกเบี้ยสูง" ต้องลดที่เงินต้น
เด็กรุ่นใหม่อาจมองว่าการเป็นหนี้ไม่ผิดอะไร บางคนใช้บัตรเครดิตแล้วผ่อนจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ แทนที่จะจ่ายเต็มจำนวนโดยลืมนึกถึงเรื่องดอกเบี้ยที่สูงถึง 20% ต่อปี ซึ่งการผ่อนจ่ายขั้นต่ำก็ไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงไข้ตัวเอง เพราะปล่อยให้เงินในกระเป๋ารั่วไหลออกไปกับการจ่ายดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่อได้เงินโบนัสมาให้รีบนำมาปิดหนี้บัตรเครดิตให้หมดก่อนดีกว่าค่ะ
สำหรับคนที่ผ่อนบ้านอยู่ควรนำเงินโบนัสมาจ่ายหนี้บ้านให้มากขึ้น แม้ไม่สามารถปิดหนี้ได้ทั้งหมดแต่อย่างน้อยก็สามารถโปะเงินต้นให้ลดลงได้ เพราะในช่วงปีแรก ๆ ของการผ่อนบ้าน ดอกเบี้ยจ่ายคิดเป็นตัวเงินสูงถึง 3 ใน 4 ของเงินผ่อน ซึ่งการผ่อนจะไปหักดอกเบี้ยก่อน ส่วนที่เหลือจึงไปหักเงินต้น
ดังนั้นถ้าลดเงินต้นลงไปได้ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ในการผ่อนบ้านให้หมดเร็วไม่จำเป็นต้องรอเงินก้อนหรือเงินโบนัสอย่างเดียว หากสามารถแบ่งรายได้ในแต่ละเดือนมาผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นอีก 10% ของยอดผ่อนก็จะช่วยลดดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนลงได้ค่ะ
![ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่]( "ปรับเปลี่ยน 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่")
แนวคิดที่ 4 ทำ "ประกันภัย" ป้องกันความเสี่ยง
การทำประกันเปรียบได้กับผู้รักษาประตูซึ่งดูเหมือนจะมีบทบาทน้อยที่สุดในทีม แต่พอเกิดวิกฤตหรือเกิดเหตุคับขันขึ้นมาอาจเป็นตัวตัดสินชะตากันได้เลย หลายคนปฏิเสธการทำประกันเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้เลย ที่สำคัญเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผลกระทบหรือความสูญเสียที่ตามมานั้นจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลค่ารักษาอาจสูงเป็นหลักแสนถึงหลักล้านบาท เงินออมที่ตั้งใจเก็บมาทั้งชีวิตอาจหมดได้ด้วยเหตุที่ไม่ได้ทำประกันไว้ค่ะ
ทั้งนี้แนะนำว่าทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมควรมีอย่างน้อย 3 เท่าของรายได้ต่อปี รวมถึงการเลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมก็มีความสำคัญ ถ้าเน้นคุ้มครองครอบครัวหรือคนที่เรารักควรเลือกแบบตลอดชีพ เพราะด้วยทุนประกันที่เท่ากันแบบตลอดชีพจะมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่าแบบสะสมทรัพย์
แต่ถ้าอยากมีเงินก้อนในอนาคต เช่น เป็นทุนการศึกษาของลูกก็สามารถเลือกแบบสะสมทรัพย์ค่ะและอย่าลืมทำประกันเพื่อคุ้มครองสุขภาพโรคร้ายแรงอุบัติเหตุและทรัพย์สินอย่างบ้าน รถ เพื่อช่วยคุ้มครองเงินออมของเราไม่ให้หมดไปกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นด้วยค่ะ
ต้นปีแบบนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีในการเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินของเราเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้มากขึ้น หากเราเริ่มต้นไวก็มีชัยไปกว่าครึ่งอย่างแน่นอน ขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตและประสบความสำเร็จในการบริหารเงินส่วนบุคคลค่ะ
ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ "ปรับ 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่" ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทยได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com
K-Expert Action
- เมื่อลงทุนในหุ้นควรมีเวลาติดตามข่าวสารหรือสถานการณ์การลงทุน เพื่อตัดสินใจซื้อขายหุ้น หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้ทันที
- ศึกษาแบบประกัน เพื่อเลือกความคุ้มครองได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการทำประกันของตัวเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ถ้าพูดถึงกีฬาที่เล่นกันเป็นทีม คนนิยมเล่น นิยมดู ใคร ๆ
ก็รู้จักคงจะหนีไม่พ้นกีฬาฟุตบอล
ซึ่งการที่ทีมฟุตบอลทีมหนึ่งจะสามารถเอาชนะคู่แข่งขันได้นั้นต้องอาศัยการประสานงานที่ดีของผู้เล่นในทีม
การจัดการเงินของเราก็มีส่วนคล้ายกับการวางตัวผู้เล่นในทีมฟุตบอล
ซึ่งไม่สามารถชนะได้เพียงเพราะผู้เล่นทุกคนเป็นดาวยิงทั้งหมด
แม้ว่าเราจะทำแต้มได้ แต่ถ้าแนวรับของทีมอ่อนแอ
สุดท้ายเราก็มีโอกาสแพ้ได้เช่นกัน
แนวคิดที่ 1 ลงทุนให้เป็นต้องรู้จัก "ปล่อยให้กำไรวิ่ง" และ "ตัดขาดทุน"
เชื่อว่าคนที่ลงทุนในหุ้นหลาย ๆ คนเคยมีประสบการณ์ซื้อหุ้นแล้ว กำไรน้อย แต่ขาดทุนเยอะ เป็นเพราะว่าพอหุ้นขึ้น เรามักขายเร็วเกินไป โดยลืมดูว่าราคาหุ้นตัวนั้นยังสามารถวิ่งขึ้นต่อไปได้อีก ทำให้มาบ่นว่า "ขายหมู" หรือพอหุ้นตก เราก็มักเข้าซื้อเร็วเกินไป แล้วมาเจ็บใจทีหลังว่า ไม่น่ารีบซื้อเลย พอราคาถูกมาก ๆ จะเข้าซื้อก็ไม่มีเงินแล้ว หรือเรียกว่า "กระสุนหมด"
ซึ่งเทคนิคลงทุนที่ดีคือ เวลาตลาดเป็นขาขึ้นแล้วหุ้นที่ถือยังมีอนาคต ดูแล้วราคายังขึ้นต่อได้ก็ปล่อยให้กำไรวิ่งต่อไปก่อน แต่ถ้าตลาดเปลี่ยนเป็นขาลง แล้วหุ้นที่มีในมือราคามีโอกาสร่วงลงได้อีกก็ควรรีบตัดขาดทุนก่อนที่จะขาดทุนมากยิ่งขึ้นค่ะ
ตัวอย่างนักลงทุนที่น่าสนใจคือ เซอร์ จอห์น เทมเพิลตัน ที่กล้าเข้าซื้อหุ้นในช่วงสมัยสงครามโลกซึ่งดัชนีหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก แล้วใช้เวลา 4 ปีในการรอคอยเพื่อให้หุ้นกำไรเต็มที่ รวมแล้วได้เงินกลับมา 3 เท่าตัว คิดเป็นผลตอบแทนต่อปีเกือบ 100% โดยรวมแล้วถือว่า "นิ่ง" เพียงพอที่จะไม่ขายเร็วเกินไป เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของการปล่อยให้กำไรวิ่งต่อไปก่อน ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนหลาย ๆ คนก็มีลักษณะเช่นนี้
แนวคิดที่ 2 ค้นหา "อาชีพเสริม" เพิ่มรายได้
สำหรับคนที่อยากมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาจากการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์เสมอไป แต่สามารถสร้างรายได้จากการทำ "อาชีพเสริม" ควบคู่ไปกับงานประจำค่ะ ซึ่งการทำอาชีพเสริมนี้ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์การสร้างรายได้เพิ่ม แต่ยังช่วยให้ได้ทำในสิ่งที่เรารักด้วย
หรือคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองก็ได้ ลองทำธุรกิจควบคู่กับงานประจำดูก่อน ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการออกไปทำธุรกิจแบบเต็มตัว เพราะถ้าธุรกิจไปได้ไม่ดีอย่างที่คิดไว้ อย่างน้อยก็ยังมีรายได้จากงานประจำรองรับอยู่ แต่ถ้าธุรกิจที่ทำไปได้สวย ยอดขายเติบโต ก็ถือเป็นโอกาสดีที่วันหนึ่งอาชีพเสริมจะกลายมาเป็นอาชีพหลักหรือธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ สิ่งสำคัญของการทำอาชีพเสริมคือ รู้จักแบ่งเวลา โดยให้ความสำคัญกับอาชีพหลักมากกว่าอาชีพเสริม
แนวคิดที่ 3 ปิด "หนี้ดอกเบี้ยสูง" ต้องลดที่เงินต้น
เด็กรุ่นใหม่อาจมองว่าการเป็นหนี้ไม่ผิดอะไร บางคนใช้บัตรเครดิตแล้วผ่อนจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ แทนที่จะจ่ายเต็มจำนวนโดยลืมนึกถึงเรื่องดอกเบี้ยที่สูงถึง 20% ต่อปี ซึ่งการผ่อนจ่ายขั้นต่ำก็ไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงไข้ตัวเอง เพราะปล่อยให้เงินในกระเป๋ารั่วไหลออกไปกับการจ่ายดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่อได้เงินโบนัสมาให้รีบนำมาปิดหนี้บัตรเครดิตให้หมดก่อนดีกว่าค่ะ
สำหรับคนที่ผ่อนบ้านอยู่ควรนำเงินโบนัสมาจ่ายหนี้บ้านให้มากขึ้น แม้ไม่สามารถปิดหนี้ได้ทั้งหมดแต่อย่างน้อยก็สามารถโปะเงินต้นให้ลดลงได้ เพราะในช่วงปีแรก ๆ ของการผ่อนบ้าน ดอกเบี้ยจ่ายคิดเป็นตัวเงินสูงถึง 3 ใน 4 ของเงินผ่อน ซึ่งการผ่อนจะไปหักดอกเบี้ยก่อน ส่วนที่เหลือจึงไปหักเงินต้น
ดังนั้นถ้าลดเงินต้นลงไปได้ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ในการผ่อนบ้านให้หมดเร็วไม่จำเป็นต้องรอเงินก้อนหรือเงินโบนัสอย่างเดียว หากสามารถแบ่งรายได้ในแต่ละเดือนมาผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นอีก 10% ของยอดผ่อนก็จะช่วยลดดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนลงได้ค่ะ
แนวคิดที่ 4 ทำ "ประกันภัย" ป้องกันความเสี่ยง
การทำประกันเปรียบได้กับผู้รักษาประตูซึ่งดูเหมือนจะมีบทบาทน้อยที่สุดในทีม แต่พอเกิดวิกฤตหรือเกิดเหตุคับขันขึ้นมาอาจเป็นตัวตัดสินชะตากันได้เลย หลายคนปฏิเสธการทำประกันเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้เลย ที่สำคัญเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผลกระทบหรือความสูญเสียที่ตามมานั้นจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลค่ารักษาอาจสูงเป็นหลักแสนถึงหลักล้านบาท เงินออมที่ตั้งใจเก็บมาทั้งชีวิตอาจหมดได้ด้วยเหตุที่ไม่ได้ทำประกันไว้ค่ะ
ทั้งนี้แนะนำว่าทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมควรมีอย่างน้อย 3 เท่าของรายได้ต่อปี รวมถึงการเลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมก็มีความสำคัญ ถ้าเน้นคุ้มครองครอบครัวหรือคนที่เรารักควรเลือกแบบตลอดชีพ เพราะด้วยทุนประกันที่เท่ากันแบบตลอดชีพจะมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่าแบบสะสมทรัพย์
แต่ถ้าอยากมีเงินก้อนในอนาคต เช่น เป็นทุนการศึกษาของลูกก็สามารถเลือกแบบสะสมทรัพย์ค่ะและอย่าลืมทำประกันเพื่อคุ้มครองสุขภาพโรคร้ายแรงอุบัติเหตุและทรัพย์สินอย่างบ้าน รถ เพื่อช่วยคุ้มครองเงินออมของเราไม่ให้หมดไปกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นด้วยค่ะ
ต้นปีแบบนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีในการเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินของเราเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้มากขึ้น หากเราเริ่มต้นไวก็มีชัยไปกว่าครึ่งอย่างแน่นอน ขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตและประสบความสำเร็จในการบริหารเงินส่วนบุคคลค่ะ
ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ "ปรับ 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่" ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทยได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com
K-Expert Action
- เมื่อลงทุนในหุ้นควรมีเวลาติดตามข่าวสารหรือสถานการณ์การลงทุน เพื่อตัดสินใจซื้อขายหุ้น หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้ทันที
- ศึกษาแบบประกัน เพื่อเลือกความคุ้มครองได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการทำประกันของตัวเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
